วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

แบบอย่างของนักสู้สามัญชน

แบบอย่างของนักสู้สามัญชน
(ว่าด้วยความทรงจำและการระลึกถึง)

ชัย วัฒน์ สุรวิชัย - พฤษภาคม 2550

            "สุวิทย์ วัดหนู แบบอย่างของนักสู้สามัญชน แนวทางมวลชน"
            ผมตั้งใจจะไปร่วมงานศพของเพื่อนและน้องร่วมอุดมการณ์ นาม "สุวิทย์ วัดหนู" ที่วัดบางเสร่ บ้านเกิด แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะติดงานมวลชน
           
            ถึงแม้ไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ก็เหมือนไปร่วม เพราะผมต้องไปร่วมงานบนเวทีประชาธิปไตยกับผู้นำองค์กร ผู้นำชุมชน ที่จังหวัดลำปาง ตามคำเชิญที่กะทันหันของคุณศรีสะเกษ สมาน

            ผมเริ่มต้นคำพูดที่ประชุมว่า "งานนี้เพื่อสืบทอดอุดมการณ์ของ "คุณสุวิทย์ วัดหนู" แบบอย่างนักสู้สามัญชน แนวทางมวลชน ที่แม้จะ "เสียสละ" ร่างกายไปแล้ว แต่ "ผลงานและอุดมการณ์" ยังคงอยู่คู่ชุมชน สังคมและเพื่อนมิตรสหายที่ยังคงมีแรงและลมหายใจ ที่จะเดินบนเส้นทางของประชาชนต่อไป แม้หลายคนจะเปลี่ยนเส้นทางเดินไป

            ถ้าสุวิทย์สามารถรับรู้ได้ คงจะเข้าใจและเห็นด้วย เพราะเส้นทางชีวิต เส้นทางเดิน "เรา" เดินไปด้วยกันบนทางสายเดียวกันมาตลอด 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519, 17-20 พฤษภาคม 2535, 11 ตุลาคม 2540 (ขบวนการธงเขียว รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน) และกรณีคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ปี 2549 เผด็จการภายใต้ประชาธิปไตยเลือกตั้ง

            ผมได้มีโอกาสดี ที่ได้รู้จักอดียนายกสโมสร มศว.บางแสนคนนี้ ในช่วงปลายปี 2517 ในขณะที่ทำงานฝ่ายมวลชน ของกลุ่ม ปช.ปช. (กลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ซึ่งเป็นงานสืบเนื่องของกลุ่มเรียกร้องรับธรรมนูญ สมัยปี 2516 และในปี 2518 ขณะที่ทำงานด้านมวลชนของพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย
           
            โอกาสแรกและงานแรกที่ผมได้ร่วมงานกับคุณสุวิทย์ วัดหนู และคุณสมภพ บุนนาค เป็นงานที่ต่อสู้กับอำนาจรัฐ กรณีชาวบ้านและพระภิกษุคัดค้านการสร้างอ่างเก็บน้ำมาบประชัน จ.ชลบุรี กับกรมชลประทานที่เวนคืนที่ชาวบ้านและวัด เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มอุตสาหกรรม เราได้ประสบการณ์ครั้งแรกร่วมกัน คือ "การถูกลอบยิง" ขณะที่เรากำลังพูดคุยกับเจ้าอาวาสในคืนวันหนึ่งในช่วงนั้น

            งานสลัม และขบวนการต่อสู้อำนาจรัฐ ในบทบาทของการเป็นผู้นำ "การเป็นโฆษก ที่ปลุกกระแส และควบคุมเวที" เป็นภาพที่มวลชนเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า "การปกป้องพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนจนคนด้อยโอกาส" และ " การคัดค้านอำนาจรัฐที่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม" เป็นสิ่งที่ต้องทำ ได้ทำ และไม่เคยท้อถอยเลย แต่อีกภาพหนึ่ง ที่เป็นส่วนสำคัญยิ่ง ต่อการเป็นผู้นำ โดยเฉพาะการควบคุม และคุมเวทีการชุมนุม ที่หลายคนไม่เคยทราบคือ

            สุวิทย์จะตระเวนไปขอความคิดเห็น คำแนะนำ จากเพื่อนๆพี่ๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์และมีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นธีรยุทธ บุญมี เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ฯลฯ ผมก็เคยได้คุยแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเรื่อง ข้อมูล ข่าวสาร และแนวโน้มของสถานการณ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ "ของการวิเคราะห์สถานการณ์ในสถานการณ์การต่อสู้" เพราะส่วนใหญ่เกือบทุกฝ่ายมักจะเลือกฟังข้อมูล เฉพาะที่ตรงกับความคิดเห็นของตน และตัดทิ้ง หรือ ไม่ให้ความสำคัญ หากข้อมูลนั้นเป็นไปอีกทางหนึ่ง แต่ "สุวิทย์" จะรับฟังทุกข้อมูล และความเห็นที่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ "สุวิทย" สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีทุกเวที นอกจากประสบการณ์ ความสุขุม ใจเย็นและความรับผิดชอบของเขา

           "สุวิทย์ วัดหนู" จะเลือกข้างถูกเสมอ ครั้งล่าสุด "กรณีคดี อดีตนายกทักษิณ" เผด็จการในคราบของประชาธิปไตยเลือกตั้ง เพราะเขาเลือก "เอาผลประโยชน์ของประชาชน" เป็นที่ตั้ง แม้อาจต้องยืนอยู่ตรงกันข้าม อยู่คนละฝั่ง กับมิตรสหายที่เคยร่วมอุดมการณ์ ที่ไปอยู่ล้อมรอบอดีตนายกทักษิณที่ใช้ข้ออ้างว่ามาจากประชาธิปไตย มาจากเลือกตั้ง ทั้งๆที่รู้กันดีว่า ได้อำนาจรัฐมาจากการซื้อ และการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม

            อีกเรื่องหนึ่งที่ "สุวิทย์ วัดหนู" ให้ความสำคัญยิ่ง คือ การจัดตั้ง "พรรคการเมืองของประชาชน" "สุวิทย์" ให้เวลามากกับเรื่องสำคัญนี้ ผมรู้สึกถึงอารมณ์ในเรื่องนี้ของสุวิทย์ ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์

            โอกาสการจัดตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชน ในภาววิสัยของสังคมไทยในยุคนี้ ค่อนข้างยาก และเป็นจริงไม่ยากเลยในทัศนะและประสบการณ์ของผม ที่ยึดหลัก "หาสัจจะจากความเป็นจริง"

            แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมต้องไปหาสุวิทย์ ที่สำคัญคือ "สุวิทย์" พยายามหาทางออกของสังคม หาทางออกให้กับมวลชนที่ทุกข์ยาก เป็นสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่หัวใจสุวิทย์มีเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมเคารพความยิ่งใหญ่ของสุวิทย์มาตลอด และตลอดไป

            มีครั้งหนึ่งที่ผมได้รับน้ำใจ จากสหายรุ่นน้องที่ผมนับถือ ในช่วงปี 2517 ที่ผมรับราชการอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ผมถือและใช้โอกาสนี้ลาบวชเพื่อเป็นการพักผ่อนทางกาย ที่มีชีวิตที่สอง หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ผ่านมา และรักษาเสริม "ใจ" ให้ใฝ่และเข้าใจ "ธรรม" ให้มากขึ้น โดยผมไปบวชที่ วัดเชียงราย  จ.ลำปาง เพื่อตอบแทนให้คุณพ่อ คุณแม่ ได้ชื่นใจ หลังจากที่ผมทำให้บุพการีต้องทนทุกข์ นอนไม่หลับตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2516 วันที่ 13 คน ถุกเผด็จการถนอม ประพาส ณรงค์ สั่งจับ ตั้งข้อหากบฎในราชอาณาจักร, คอมมิวนิสต์ ฯลฯ และ  เดินทางมาจำพรรษาที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์กับท่านปัญญานันทภิกขุ

            คุณสุวิทย์ วัดหนู และคุณสมภพ บุนนาค ได้มาเยี่ยมถามสารทุกข์สุข ของ "พระชัยวัฒน์ อิสรธัมโม"

            ผมจำไม่ได้ว่าได้คุยหรือได้เทศน์ในเรื่องอะไรบ้าง แต่ที่สำคัญคือ การมีใจรักและเป็นห่วงเพื่อนของ "สุวิทย" ซึ่งหลายคนต่อหลายคนคงได้รับน้ำใจจากสหายของ สุวิทย์ วัดหนู สิ่งที่ผมจะแสดงความเคารพรักต่อสหายสุวิทย์ วัดหนู คือ การให้คำมั่นสัญญาต่อตัวเองว่า "เส้นทางสายประชาชน ที่สุวิทย์ก้าวเดิน และร่วมเดินทางสายนี้มาตลอด ผมจะเดินต่อไป จนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้าจนกว่าผมจะเดินตามสุวิทย์ไป"


ที่มา สุวิทย์ วัดหนู นักรบประชา เคียงข้างคนจน
คณะจัดทำหนังสืออนุสรณ์แห่ง ชีวิต สุวิทย์ วัดหนู
วันที่ 20 ธันวาคม 2495 - วันที่ 11 มีนาคม 2550

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน