คนเดือนตุลาทั้งอดีตและปัจจุบัน โดย วัฒนา นาคประดิษฐ์
(ว่าด้วยความทรง จำและการระลึกถึง)
วัฒนา นาคประดิษฐ์
วันที่ 8-9 มิถุนายน 2550 ที่วัดสามัคคีบรรพต (วัดบางเสร่นอก) คงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ไปเคารพศพคุณสุวิทย์ วัดหนู รุ่นพี่ในวงการสลัม และงานเพื่อประชาชน และวันนี้อีกเช่นกันที่จะมีแต่ผู้คนพูดถึงคุณงามความดีของคุณสุวิทย์ เพราะถือว่าเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต การพูดถึงสิ่งที่ดี จึงถือว่าให้เกียรติผู้ตาย ส่วนเรื่องที่ไม่ดี ถือว่าขออโหสิกรรมกันไป ความจริงก็มีเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ว่า ความดีของผู้คนมักจะได้มีโอกาสเป็นที่รับรู้ในวงกว้างก็ต่อเมื่อ เจ้าของความดีนั้นจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครพูดถึงความไม่ดี เพียงแต่ในยามแบบนี้ความไม่ดีจะเป็นเสียงที่เบาบาง
ผู้เขียนเองรู้จักคุณสุวิทย์มานาน มีโอกาสได้ร่วมงานกันอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการร่วมงานกันในบรรยากาศที่เป็นทางการเท่านั้น เนื่องจากผู้เขียนเองหลีกเลี่ยงบรรยากาศยามเย็น หรือยามที่ไม่เป็นทางการที่จะต้องร่วมวงกันในการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระที่ เกี่ยวกับบ้านเมือง และผู้คนจนยากในสังคม จนคุณสุวิทย์เองยังเคยบอกว่า ผู้เขียนเป็นคนเดียวที่ไม่เคยถูกคุณสุวิทย์ว่าให้เสียใจ ก้แน่ละ ผู้เขียนมีวิธีหลบได้เสมอ แต่แม้จะหลบได้ แต่ก็ยังได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านมาจากวงสนทนายามเย็นอยู่บ้าง ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ บางครั้งก็ทำให้ผู้เขียนและเพื่อนฝูงอดน้อยใจ หรือโมโหอยู่เนืองๆ แต่เราก็มักจะบ่นกันเอง แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป เพราะสิ่งหนึ่งที่สำคัญของคุณสุวิทย์คือ "การยืนเคียงข้างประชาชนผู้ไร้สิทธิ์ไร้เสียงในสังคมตลอดมา " และ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้เขียนและเพื่อนพ้องแม้จะมีระยะห่างบ้างแต่ก็ ชื่นชมด้วยใจจริง
คุณสุวิทย์เป็นคนเดือนตุลาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งผิดกับคนเดือนตุลาอีกหลายคนที่มีเพียงแต่อดีตเดือนตุลาเท่านั้นที่น่า ชื่นชม แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นทุนนิยมสามานย์ และในยามที่บ้านเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบบนี้ เปลี่ยนรัฐบาลมาหลายครั้งหลายครา แต่ปัญหาคนจนก็ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นประชานิยมบนการสูญเสียที่ดินของบรรพบุรุษ หรือ เศรษฐกิจพอเพียง แต่เร่งรัดการเซ็นสัญญา FTA กับประเทศคู่ค้า เร่งสร้างเขื่อน สร้างโรงไฟฟ้า เพื่อต้องการเป็นเจ้าพลังงานในเขตภูมิภาคอินโนจีน ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้ หรือรัฐบาลชุดก่อนก็มีคนเดือนตุลาอยู่หลายคน ทีสำคัญ คนเดือนตุลาเหล่านั้นก็คือ คนที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม มาพร้อมกับคุณสุวิทย์ทั้งสิ้น
การเกิดมาในชั่วชีวิตหนึ่ง แต่ละคนมีเวลาของตัวเองกำกับไว้ ดังนั้น คำถามและทางที่แต่ละคนต้องเลือกว่า จะเลือกอยู่บนทางแห่งลาภยศ สรรเสริญ กอบโกยเพื่อตัวเองและพวกพ้อง หรือเลือกการยืนอยู่ข้างพี่น้องคนจนที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง และสู้ร่วมกันกับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม จะเลือกแบบไหน..แบบไหนที่จะมีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างาม ???
ที่ มา สุวิทย์ วัดหนู นักรบประชา เคียงข้างคนจน
คณะจัดทำหนังสืออนุสรณ์แห่ง ชีวิต สุวิทย์ วัดหนู
วันที่ 20 ธันวาคม 2495 - วันที่ 11 มีนาคม 2550