วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

เราคงจะได้พบกันอีก by สุเทพ ถวัลยวิวัฒนกุล (โฮป แฟมิลี่)

เราคงจะได้พบกันอีก
(ว่าด้วยความทรงจำและการระลึกถึง)

สุเทพ ถวัลยวิวัฒนกุล (โฮป แฟมิลี่)

            คุณสุวิทย์ วัดหนูเป็นคนรักครอบครัว เป็นคนที่มักจะนึกถึงสังคมและคนอื่นๆ ก่อนตัวเองเสมอ เขาจะเป็นคนดี และเป็นคนจริง เสียดาย ที่เราต้องเสียคนดีๆแบบนี้ไป เรารู้จักกันมากว่า 10 ปี แต่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกันเลย ได้แต่เจอหน้ากันตามงานกิจกรรมต่างๆ ทักทายเสมือนเพื่อนเก่า แต่มกลับไม่คิดว่า ผมเสียเพื่อนไปนะ ผมคิดว่า สังคมไทยเสียคนดีๆไปอีกคนมากกว่า

            ครอบครัวของเรารู้จักมักคุ้นกับชื่อ สุวิทย์ วัดหนูเป็นอย่างดี เรารู้จักเขาในฐานะคนเดือนตุลาฯ เลือดคนจริง ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย หลายครั้งที่สังคมไทยล่มสลาย เต็มไปด้วยเผด็จการ และตกอยู่ในน้ำมือคนเนรคุณชาติ เราจะมองเห็นผู้ชายคนนี้ ยืนต่อสู้อยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ผมว่ามันเร็วไปหน่อยสำหรับสุวิทย์

            ครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน สุวิทย์มานั่งทานอาหารเย็น ร้านแถวบ้านผม พร้อมกับสหายอีก 5-6 คน คืนนั้น เราสนทนาพาทีเรื่องการเมือง จิปาถะ ยันไปถึงเรื่องครอบครัว เรื่องเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มันเป็นคืนที่ดี ที่เราได้พบปะเพื่อนเก่า ได้พูดคุย หัวเราะ ด้วยกัน แต่ไม่คิดว่าคืนนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการสังสรรค์ของสุวิทย์ และผม

            เขาทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด ผมเป็นคนนอก มองกลับไปที่เขา ผมรู้สึกเพียงว่า เขาดูเป็นคนใจเย็น และมองโลกในแง่ดี แม้จะผ่านเหตุการณ์อันเลวร้าย สังคมเปลี่ยนไป เขาก็ยังคงอยู่เป็น "สุวิทย์ วัดหนู" คนเดิม

            ความจริงผมเองก้ไม่รู้ว่าจะเขียนคำระลึกถึงเขายังไง  เพราะสัจธรรมข้อหนึ่งที่ใช้กับสุวิทย์ได้ดีเหลือเกินในเวลานี้ก็คือ  ความตายเอาไปได้ก็เพียงร่างกายเท่านั้น  แต่สิ่งที่เขารังสรรค์ไว้เพื่อสังคม เพื่อบ้านเมือง เพื่อครอบครัว มันยังคงชัดเจนและมั่นคง ไม่เปลี่ยนไป  ยังคงอยู่ในใจเราทุกคนเสมอ

            ในคืนวันแรกของการสวดอภิธรรมศพ ผมและภรรยาได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนสนิทหลายคนของสุวิทย์  เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า สุวิทย์เป็นคนติดบ้านและรักครอบครัวมาก ไม่ว่าเขาจะทำงานเหนื่อย  ดึกดื่นแค่ไหน เขาก็จะกลับมาทานข้าวบ้านฝีมือเมียสุดที่รัก ฟังแล้วชื่นใจจริงๆ สุวิทยืไม่เพียงแต่จะไม่เคยเปลี่ยนแปลงความคิดและอุดมการณ์ของตัวเองทาง สังคมเท่านั้น แต่เขาไม่เคยละเลยตำแหน่งหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่คอยรั้งชื่อเขาเอาไว้ ด้วย

            เขาทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมสมกับคนที่ผ่านโลก ผ่านร้อนผ่านหนาวมา ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตน มิตรมาก เงินน้อยไม่สำคัญ ผมและครอบครัวศรัทธาในตัวเขา และยินดีที่จะพูดได้เต็มปากว่า ผมเป็นเกียรติที่ได้แปรเปลี่ยนสภาพกระดาษเปล่าหน้านี้ให้กลายเป็นข้อความ ระลึกถึงสุวิทย์

            ผมแน่ใจว่าสิ่งที่สุวิทย์ทำอยู่เสมอตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มันเหนื่อย แน่ละสังคมไทย ไม่มีอะไรที่ยากเย็นและเหน็ดเหนื่อยเท่ากับการทำความดีแล้วล่ะ ยิ่งในสภาพสังคมแสนทรามเช่นนี้ หลายคนทำดี เหมือนพายเรือทวนน้ำ แต่ก็ยังคงเชื่อมั่น เสียดายที่สุวิทย์ชิงไปสบายเสียก่อนพวกเราแล้ว ไม่เช่นนั้น ไม่นานสุวิทย์คงได้เห็นคนที่เขาออกแรงเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย ตะโกนแหกปากไล่ก็ไม่ไป เสียดายที่สุวิทย์ยังไม่ได้เห็นคนชั่วติดคุกเลย

            ผมตกใจกับความรวดเร็วปุบปั๊บที่สุวิทย์ชิงจากไป ผมเพียงแต่คิดอยู่ในใจดังๆหวังให้ใครได้ยินว่า
            "เราสินะที่ยังอยู่ ผมคงทำได้มากที่สุดคือ ทำหน้าที่ของผมตามอุดมการณ์ที่เรามีร่วมกัน  ผมใช้เวลาที่มีบนโลกเผื่อสุวิทย์"
            แล้วสักวันหนึ่งเราคงได้พบเจอกันอีกครั้ง เพื่อนเอย...

ที่มา สุวิทย์ วัดหนู นักรบประชา เคียงข้างคนจน
คณะจัดทำหนังสืออนุสรณ์แห่ง ชีวิต สุวิทย์ วัดหนู
วันที่ 20 ธันวาคม 2495 - วันที่ 11 มีนาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน