วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

"หญิงสาวผู้จุดประกายฝัน" โดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา

            ราวๆปี 2541 เห็นจะได้ พวกผมในฐานะสมาชิกน้องใหม่แกะกล่องของ "พรรคสานแสงทอง" กลุ่มกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกรุ่นพี่ให้บทเรียนแรกของการเป็นนักกิจกรรม ด้วยการส่งลงพื้นที่เข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลขึ้นราคารับซื้อ ยางพาราที่ศาลาว่าการ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจุดนั้นเอง เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รู้จักกับอาจารย์อารมณ์ มีชัย อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ได้ยินได้ฟังรุ่นพี่กล่าวขานถึงกิตติศัพท์ความเป็นนักต่อสู้เพื่อ ประชาชนมานาน และอีกฐานะหนึ่งที่พวกเราเด็กปี 1 รับรู้กันก็คือ ท่านเป็นแม่ของ 3 พี่น้อง "มีชัย" ที่นับว่า เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลเหลือหลายในพรรคสานแสงทอง

            ด้วยความที่เพิ่งเริ่มเดินบนเส้นทางนี้เพียงก้าวแรก ทำให้พวกเราไม่มีประสบการณ์มากพอ ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้รับมอบหมายให้เป็นถึงโฆษกเวที ได้โฮปาร์ค บางคนเล่นดนตรีปลุกระดมชาวบ้าน แต่ก็ทำไปตามประสาเด็กๆ เรียกว่าเอาใจสู้เข้าว่า ส่วนความรู้ ความเข้าใจหรือความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ ไม่ต้องถามเพราะมันมีน้อยมากถึงน้อยที่สุด
       
            และอาจารย์อารมณ์ (ซึ่งต่อมาพวกเราก็ถือวิสาสะขยับความสัมพันธ์ให้กระชับขึ้นโดยพร้อมใจกัน เรียกว่า แม่แทบทุกคำ) นี่เองที่เติมเต็มในส่วนที่เด็กกิจกรรมปี 1 ขาดหายไป ทุกๆเย็น "แม่" จะนั่งรถมากับอาจารย์เจริญ มีชัย เพื่อมาหาพวกเราที่ม็อบ โดยไม่ลืมที่จะหอบข้าว หอบแกงปักษ์ใต้ ขนมนมเนย ติดมือมาด้วยทุกครั้ง แล้วก็มาจับกลุ่มล้อมวงคุยวิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟัง เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของเกมการเมือง สอนให้รู้ถึงการปฏิบัติตัวต่อมวลชน ฉายภาพความทุกข์ยากของชาวบ้านที่ถูกกดขี่โดยกลไกรัฐและระบบเศรษฐกิจแบบมือ ใครยาวสาวเอา ยิ่งตอนที่แม่พา"สหาย" ที่แม่บอกว่าเป็นเพื่อนแม่ตั้งแต่ยุคต่อสู้เผด็จการมาร่วมแจมด้วยยิ่งทำให้ วงคุยเพิ่มรสชาติขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เพราะมีความรู้ใหม่ๆ ให้พวกเราตักตวงอย่างไม่มีวันหมด

            สิ่งที่ "แม่" พร่ำสอนนั้นนอกจากเพิ่มเติมองค์ความรู้ เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับนักกิจกรรมวัยละอ่อนอย่างพวกเราแล้ว มันยังเป็นเหมือนตะเกียงดวงใหญ่ที่ส่องสว่างบนเส้นทางของคนที่ทำงานเพื่อ ประชาชน ทำให้พวกเราได้รู้ว่าในโลกที่คนส่วนใหญ่ แก่งแย่งเอาตัวรอด ยังมีคนที่อุทิศชีวิตให้กับภารกิจเพื่อมวลชน มันยิ่งใหญ่เหลือเกิน แววตาของแม่เวลาที่พูดถึงประชาชน พูดถึงการกดขี่และความอตุติธรรมในสังคม มันดูแข็งแกร่ง เป็นประกายวาววับ พลอยปลุกให้หัวใจพวกเราพองโต ฮึกเหิม พร้อมจะโจนทะยานตะลุยงานเพื่อมวลชนอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

            จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลานับสิบปี "แม่" ยังคงเดินอยู่บนเส้นทางเดิมอย่างแน่วแน่ มั่นคงไม่หวั่นไหว กระทั่งลมหายใจสุดท้าย ส่วนเด็กน้อยปี 1 ในวันนั้น วันนี้หลายคนก็พลัดพรากจากไปจากเส้นทางนี้แล้ว แต่อีกจำนวนไม่น้อยยังคงศรัทธาในแนวทางที่แม่พร่ำบอกชี้นำ อย่างไม่เสื่อมคลาย

            พวกเราที่เหลืออยู่นี้ขอสัญญากับแม่ที่อยู่บนสวรรค์แล้วว่า จะมุ่งมั่นในงานเพื่อมวลชน ในบทบาทที่จะทำได้ แม้ว่ามันจะเล็กน้อยเพียงเศษเสี้ยวกับสิ่งที่แม่เคยทำไว้ก็ตาม



เสถียร วิริยะพรรณพงศา
สำนักข่าวเนชั่น ตัวแทนลูกๆ สานแสงทอง รุ่น 40



ที่มา "อารมณ์ มีชัย ตราไว้ในใจชน"
หนังสือที่ระลึก งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์อารมณ์ มีชัย
22 กุมภาพันธ์ 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน