ราวปี 2532-2535 รถจี๊บทหารสีเขียวสภาพเก่าโทรม วิ่งเข้าออกมหาวิทยาลัยรามคำแหงเกือบทุกเย็นจนเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของนัก กิจกรรมสมัยนั้นเป็นอย่างดี ชายร่างท้วมผิวขาววัย 50 กว่าทำหน้าที่เป็นคนขับ ส่วนผู้ที่นั่งคู่มากับคนขับเป็นหญิงวัยเดียว กันผิวขาวนวลท่าทางกระฉับกระเฉงยิ้มง่ายอารมณ์ดี แสดงถึงสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์
ทันทีที่รถจอดหน้าที่ทำการ "พรรคสานแสงทอง" กลุ่มนักกิจกรรมทางสังคมในรั้วมหาวิทยาลัยหญิงชายต่างกรูออกมาต้อนรับ ยกมือไหว้ ก่อนช่วยกันขนสัมภาระทั้งข้าวสารอาหารแห้งลงจากรถและจัดแจงเตรียมหุงข้าวทำ แกงสำหรับอาหารมื้อเย็น
หญิงวัย 50 มักใช้เวลาขณะเตรียมอาหารสนทนาแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆนานากับนักกิจกรรมอย่างสนุกสนาน ส่วนชายวัย 50 หลังเสร็จหน้าที่พลขับ จะเดินเข้าร่วมกับกลุ่มนักศึกษาชาย ที่ตีโครงติดป้ายกันอย่างคึกคัก แกมักสอดแทรกแนวความคิดเรียกเสียงเฮฮาเป็นระยะๆ ได้ทั้งสาระและคลายเหนื่อยไปพร้อมๆกัน
"กินข้าวให้หมดจาน เพราะเป็นหยาดเหงื่อของชาวนา" อาจารย์อารมณ์สอน
"อย่ารังเกียจการใช้แรงงานและดูถูกผู้ใช้แรงงาน" อาจารย์เจริญบอก
นี่คือ... ภาพและเรื่องราวเก่าๆตอนหนึ่งในอดีตกว่า 20 ปีที่ผ่าน กลับมาอยู่ในความทรงจำอีกครั้งหนึ่งหลังทราบข่าวร้าย
อาจารย์อารมณ์และอาจารย์เจริญ มีชัย สองสามีภรรยา นอกจากอาสาตัวเข้ามาแบกรับอาหารการกินแล้ว ยังให้แหล่งที่พักพิงกับรุ่นพี่รุ่นน้องของพวกเรา บ้านพักของอาจารย์ทุกหลังจึงเต็มไปด้วยบรรดานักกิจกรรมอาศัยหลับนอนกินอยู่ เต็มบ้านทุกวันคืนไม่เคยขาด รถจี๊บคันเก่าก็ถูกนำมาใช้งานเสมือนสมบัติของพรรคสานแสงทองและผุพังเพราะงาน กิจกรรมสังคมไปในที่สุด
อาจารย์อารมณ์ ปฏิบัติอย่างนี้อยู่หลายปีไม่เคยขาดตกบกพร่อง และไม่เคยปริปากบ่นเรียกร้องบุญคุณทดแทนจากผู้ใด? ด้วยเหตุนี้เองสมาชิกพรรคสานแสงทองมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลายรุ่น เรียกขานอาจารย์ทั้งสองท่านว่า "พ่อ-แม่" อย่างไม่ขัดเขินจวบจนวันนี้
24 กุมภาพันธ์ 2534 สร้างความทุกข์ใจใหักับคุณแม่อารมณ์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อคณะนายทหารในนามคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เคลื่อนรถถังออกมาทำรัฐประหาร พวกเรานักศึกษา 15 คน ออกมาต่อต้านการยึดอำนาจของคณะทหาร "ทหาร เผชิญหน้ากับลูกๆนักศึกษา" สถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียด คุณแม่อารมณ์หวั่นวิตกอย่างมาก เกรงว่า พวกเราจะตกอยู่ในภาวะอันตรายจึงจัดเตรียมเวรยามรักษาความปลอดภัยปกป้องคุ้ม ครอง ตัวท่านเองก้ไม่ยอมกลับบ้านกินอยู่หลับนอนเคียงข้างกับพวกเราไม่ห่าง บางคืนจะเห็นคุณแม่นั่งเป็นเวรยามเฝ้าลูกๆท่ามกลางความมืดมน
ในที่สุดพวกเราทั้ง 15 คน ที่ต่อต้านการรัฐประหารถูกจับกุม ข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึก ถุกคุมขังตามสถานีตำรวจทั่วกรุงเทพฯ ก็ตกเป็นภาระของคุรแม่อารมณ์อีก ต้องตระเวณส่งข้าวส่งน้ำตาม สน.ต่างๆ ทั้งยังเป็นธุระวิ่งหยิบยืมเงินประกันตัว นำพวกเราออกมาจากกรงขังจนได้รับอิสระภาพ กระทั่งเหตุการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นพฤษภาคม 2535 คุณแม่อารมณ์ตัดสินใจเดินนำหน้าประกาศเจตนารมณ์ปกป้องประชาธิปไตยและยกลูก ชายทั้งสาม โจ้-นัท-เมย์ ให้ประชาชนกลางถนนราชดำเนิน
นี่คือ... ภาพและเรื่องราวเก่าๆ อีกตอนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำไม่เสื่อมคลาย แม้คุณแม่จะจากพวกเราไปแล้วในวันนี้
ขอให้คุณแม่หลับให้สบาย สู่ภพภูมิแห่งความสุขสงบร่มเย็น คุณแม่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเรา ลูกๆชาวพรรคสานแสงทอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปตราบนานเท่านาน
อาจารย์อารมณ์ .... แม่ ผู้เสียสละเอื้ออาทรให้อาหารและอุปถัมภ์ที่อยู่หลับนอน
อาจารย์อารมณ์ .... แม่ ผู้อบรมให้เรารู้จักการ "เสียสละและเห็นคุณค่าของผู้ยากไร้"
อาจารย์อารมณ์ .... แม่ ผู้อยู่เคียงข้างในยามสถานการณ์การเมืองคลุ้มคลั่ง
อาจารย์อารมณ์ .... แม่ ผู้ทำให้พวกเรารู้จักซาบซึ้งคำว่า "เสรีภาพและประชาธิปไตย"
อาจารย์อารมณ์ .... แม่ ผู้พร่ำสอนให้พวกเราหยัดยืนอยู่บนความ "ซื่อสัตย์และยุติธรรม"
เชี่ยว ชาญ เกื้อชู
รักษาการหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
สาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช
อดีตคณะกรรมการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง
พรรคสานแสงทอง
และ 1 ใน 15 นักศึกษาถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึก
ต่อต้านการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
รักษาการหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร
สาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช
อดีตคณะกรรมการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง
พรรคสานแสงทอง
และ 1 ใน 15 นักศึกษาถูกจับกุมในข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึก
ต่อต้านการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
ที่มา "อารมณ์ มีชัย ตราไว้ในใจชน"
หนังสือที่ระลึก งานพระราชทานเพลิงศพ อาจารย์อารมณ์ มีชัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น