*ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง ****
**หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต **
**เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้
**จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ****
**ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า **
**ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ **
**แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ****
**ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย **ฮือ ฮือ **
**หลวงตานั่งลงข้าง ๆ ****พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิ
**เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน **
**คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น **
**คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น ****
**คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ **' **
**ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา ***
**คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก **
**ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย **
**บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่
**เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน ****
**เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย **เป็นดารา **
**ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่
**ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้
**มาถึงไอ้ตัวที่สอง **จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยี
**บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดี
**เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามั
**แต่เราก็ยิ้มรับ ** แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็
**จนไม่อยากจะนึกถึง **ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้
**เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น **มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่
**อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้
**เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ****ก็ต้องขับรถหนี **
**ทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดั
**แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้
**สมัยที่หลวงตายังไม่ได้
**เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่
**ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน **
**คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้
**มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่
**เจ้าต้องจำไว้นะ **ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี **
**ก็เท่ากับเราประจานความมื ดดำในใจตัวเองออกมา **
**เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตั วเองว่าอย่าทำ **อย่าเลียนแบบ **
**นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ **ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่ าวิถีของคนพาล ***
**แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครั บในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้ นเรื่อย ๆ **
**ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่ มสนทนาโต้ตอบหลวงตา **
**เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุ ษย์ **
**เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิ ดขึ้นได้ **
**เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น **
**แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ **
**เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้ นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง **
**ยังไม่ต้องชำระ ****ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซั กฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ **
**เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่ าสงสารมีเวลามองคนอื่น **
**แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง **จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม **
**เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตั
**นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ **ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่
**แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครั
**ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่
**เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุ
**เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิ
**เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น **
**แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ **
**เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้
**ยังไม่ต้องชำระ ****ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซั
**เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่
**แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง **จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม **
**เข้าใจครับหลวงตา **
**เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ ง **
**เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น