กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน: กลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ เยี่ยมชาวบ้านค้านไฟฟ้าแรงสูง ยันพร้อมเคียงข้างสู้ไม่ถอย

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ เยี่ยมชาวบ้านค้านไฟฟ้าแรงสูง ยันพร้อมเคียงข้างสู้ไม่ถอย

       วันที่ 31 พ.ค.2554 เวลา 10.00 น. ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช จำนวนกว่า 10 คน เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของนายสง่า บุญโยรัตน์ ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 บ้านเหล่ากล้วย ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งได้รับผลกระทบจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายและจับกุมชาวบ้านและนักศึกษาจำนวน 15 คน แล้วนำรถแบ็คโฮเข้าไปขุดแปลงนาเพื่อดำเนินการก่อสร้างเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 kv (น้ำพอง2-อุดรธานี3) เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา

          โดยบรรยากาศมีความเป็นกันเอง ซึ่งพอกลุ่มอนุรักษ์ฯ ไปถึงก็ได้ไต่ถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพ่อสง่าและลูกๆได้เล่าให้ฟัง แล้วน.ส.จันทร์จิรา บุญโยรัตน์ ลูกสาวพ่อสง่า ได้นำเดินลงไปสำรวจดูพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะขึ้นมารับประทานอาหารร่วมกัน แล้วกลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงเดินทางกลับ โดยก่อนกลับพ่อสง่า ก็ได้ให้ ขนุน และกระท้อน เพื่อเป็นของฝากตอบแทนน้ำใจการมาเยี่ยม

         ช่วงเวลานั้นเองก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาเฝ้าดูสังเกตการณ์ อยู่บริเวณใกล้เคียงตลอดเวลา ขณะเดียวกันการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง ในจุดหนึ่งที่อยู่ถัดจากที่นาของพ่อสง่าออกไป คนงานของกฟผ.ก็ยังคงทำการก่อสร้างเป็นปกติ โดยมีตำรวจบ้านมาคอยคุ้มกันเหมือนเช่นทุกวัน

       โดยนางลำพูน รัตนี แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อเยี่ยม และให้กำลังใจกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าไม่มีความเป็นธรรมใดๆ เลย ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ยอมและลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ และมีเหตุมีผลว่าต้องรอฟังคำตัดสินของศาลปกครอง แต่กฟผ.ก็ยังใช้กำลังตำรวจมาบีบบังคับเอา แล้วบ้านนี้เมืองนี้เราจะหวังพึ่งใครได้

       “อยากให้พี่น้องมีกำลังใจในการต่อสู้ กลุ่มอนุรักษ์ฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เพราะเราก็คือคนทุกข์คนยากด้วยกัน ซึ่งหากเราไม่ช่วยกันก็จะหวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว เพราะหน่วยงานของรัฐกับนายทุนเขาจ้องแต่จะมาปล้นเอาทรัพยากรของชาวบ้าน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าเรื่องโปแตชหรือเรื่องไฟฟ้าก็เหมือนกัน” นางลำพูนกล่าว

        ด้านนายสง่า บุญโยรัตน์ พ่อเฒ่าวัย 77 ปี กล่าวว่า ตนไม่คาดคิดว่าตำรวจกับเจ้าหน้าที่ กฟผ.จะข่มเหง รังแกกันได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าชาวบ้านไม่ยินยอมเขาก็ไม่รับฟัง และถึงวันนี้ตนก็ยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอนไม่หลับ วิตกกังวล เพราะห่วงที่นาที่จะถูกทำลาย และก็ยังห่วงลูกๆ ที่ถูก กฟผ.แจ้งจับ ดำเนินคดี

         “ลูกชาย 2 คน ลูกสะใภ้ 1 คน และลูกเขยอีก 1 คน ที่ถูกจับ ซึ่งในวันนั้นตำรวจเขาเข้ามาจะจับพ่อด้วย แต่ลูกๆ ก็ช่วยกันเอาไว้ ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเคยเห็น ทั้งๆ ที่นาก็ของเรามีกรรมสิทธิ์ทุกอย่าง พ่อจึงคิดว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ค่าทดแทนตามที่กฟผ.จะให้สักบาทเดียวก็ตาม” นายสง่ากล่าว