ศิลปินอิสระที่เขียนเพลงเอง ทำงานเพลงด้วยตัวเองทุกขั้นตอนการผลิต ศิลปินเหล่านี้หลายคนมักจะทำงานแบบใต้ดิน ไม่สังกัดบริษัทหรือระบบธุรกิจใดๆ จึงไม่มีค่อยมีช่องทางได้นำเสนอผลงานผ่านสื่อสู่ผู้ฟังเพลงในวงกว้างมากนัก แต่เมื่อได้ไปทำการแสดงบนเวทีตามงานต่างๆ ผู้ชมหลายคนชื่นชอบประทับใจ จนต้องหาผลงาน เพลงมาฟังกัน แต่โอกาสที่จะได้ชมการแสดงดนตรีของศิลปินเหล่านี้ ยากจริงๆ
นี่คือ บันทึกการแสดงดนตรีในแบบอะคูสติกของ ไก่ แมลงสาบ ศิลปินอิสระที่ทำงานเพลงแบบใต้ดิน ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังเพลงของเขาบ้าง หรือได้ชมการแสดงดนตรีบนเวทีของเขามาบ้าง นี่คือ การเล่นดนตรีในสไตล์ของ ไก่ แมลงสาบ มีทั้งดนตรี และการพูดคุยกับผู้ชม ซึ่งหลายคนชื่นชอบรูปแบบเช่นนี้ .. นี่คือ การร้องเพลงที่มีเนื้อหาในแนวปรัชญาของในหลวง ที่สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง จ.ชลบุรี
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เพลง กู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา - ผลงานชุด เกษตรโยธิน # ๒ ฉบับสมบูรณ์
" เรามากู้วิฤติของชาติ ด้วยศาสตร์พระราชา
พระองค์ทรงคิดค้นมา ห่วงประชาไพร่ฟ้าของพระองค์
สองทศวรรษแห่งการพัฒนา นำพาให้สมประสงค์
ทุกเครือข่ายร่วมใจมั่นคง สู่ธงเศรษฐกิจพอเพียง"
นี่คือ อีกหนึ่งบทเพลงที่นำเรื่องราวของในหลวง มาเขียนเป็นบทเพลง มีสิ่งดีๆที่ในหลวงทรงพระราชทานให้แก่คนไทยมากมาย หลายคนจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือ อาจไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่คือ เจตนาของผู้ประพันธ์เพลงนี้ โดยการนำเรื่องราวเหล่านั้น มาร้อยเรียงเป็นบทเพลง เผยแพร่สู่คนฟังทั่วไป และนี่คือ บทเพลงที่ชื่อว่า "กู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา"
เพลง กู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา
อัลบั้ม ชุด เกษตรโยธิน # ๒ ฉบับสมบูรณ์
ศิลปิน คู่หูคู่ซี้ ดนตรีที่อิสระ
- วัลลภ พลเสน (ไก่ แมลงสาบ)
- สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
งานเพลงนี้ ถูกนำมาเรียบเรียงทำดนตรีใหม่ จนเป็นเพลง กู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา (ฉบับสมบูรณ์) ดนตรีไพเราะน่าฟังมากๆ โดยเฉพาะช่วงโซโล่ดนตรี กลางเพลง มีความพิถีพิถัน ไพเราะน่าฟังอย่างมาก ถือเป็นเพลงเด่นในอัลบั้มชุดนี้
* คลิกที่นี่เข้าไปฟังเพลงฉบับแรก (เวอร์ชั่นแรก)
" พอเพียงถ้าเราเพียงพอ จำไว้หนอเราต้องพอเพียง
พระดำริไม่เคยขาดเสียง ร้อยเรียงเป็นเสียงรับสั่งมา
ปฏิบัติของการกู้วิกฤติ กู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา
นับเป็นบุญของไทยทั่วหล้า ที่พ่อฟ้าประทานให้ปวงชน"
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เพลงเมธี ชาติมนตรี ตอน คำพ่อสอน... จอนฟอนผู้อุทิศ ชีวิตเพื่อมวลชน โดย ไก่ แมลงสาบ อะคูสติกเวอร์ชั่น
บทเพลง เมธี ชาติมนตรี ตอน คำพ่อสอน แต่งโดย ไก่ แมลงสาบ ซึ่งร้องและเล่นดนตรีในแบบอะคูสติกครั้งแรก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 ที่สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งคุณไก่ แมลงสาบ มีความตั้งใจเขียนเพลงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ออกมาเป็นบทเพลง เพื่อให้ง่ายและสะดวกในการเผยแพร่สู่คนฟังในวงกว้าง
ชีวิตของคนเรานั้น มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ แต่หลายคนมักจะรู้จักคนอื่นเพียงบางแง่มุมเท่านั้น หากบุคคลนั้นเป็นข่าว อยู่ในกระแสความสนใจในเรื่องใด ทุกคนจะรู้เฉพาะแง่มุมนั้น แต่เรื่องอื่นๆของบุคคลผู้นั้น แทบไม่มีใครได้รู้มากนัก หรือ ไม่ถูกพุดถึงหรือจดจำมากนัก อย่างเช่น เรื่องราวชีวิตของ "เมธี ชาติมนตรี" อดีตนายตำรวจ ผู้มียศระดับพันตำรวจโท คนที่ใครๆเรียกขานว่า "สารวัตรจ๊าบ" คนที่หลายคนยกย่องสดุดี ในขณะที่อีกฝ่าย คิดในแง่ตรงกันข้าม แต่คนทุกคนย่อมมี พ่อ-แม่ เคยอบรมสั่งสอนตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก คุณพ่อของสารวัตรจ๊าบก็เช่นกัน
คุณพ่อของสารวัตรจ๊าบ คือ คุณพ่อประเทือง ชาติมนตรี มีอาชีพรับราชการครูที่ จ.บุรีรัมย์ มีทายาทรวม 8 คน ถึงแม้ครอบครัวจะขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็พยายามสอนลูกให้เป็นคนดี ไม่เห็นแก่ตัว ในช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ในระหว่างการชุมนุมทางการเมืองใน กทม. "ประชุมประทีปไศลภูลี้เขาบังภู" ได้สัมภาษณ์และบันทึกเรื่องราวไว้ใน blog ของเขาที่ oknation.net กับข้อความเพียงไม่กี่ประโยค ที่ว่า
"...พ่อผมเป็นครู แม่เป็นชาวนา คนอีสานปั้นข้าวเหนียวกระติบ พ่อแม่สอนอย่าหยิบข้าวตรงกลาง เอาสะดวก ต้องหยิบข้าวขอบกระติบที่แข็งด้วย คือ สอนเรื่องไม่เห็นแก่ตัว..."
ในงานพระราชทานเพลิงศพของสารวัตรจ๊าบ เมื่อ 14 ตุลาคม 2551 หนังสือแจกในงาน มีเรื่องราวประเด็นนี้ รวมอยู่ด้วย และในเดือน ตุลาคม 2552 เมื่อมีการจัดทำหนังสือ "ลูกผู้ชายชื่อจ๊าบ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี" เรื่องราวในประเด็น "คำพ่อ-คำแม่สอน" ได้ถูกบันทึกไว้ในเล่มเป็น 1 ตอน จำนวน 2 หน้า ขยายความเกี่ยวกับวิถีชีวิตและคติคำสอนของชาวอีสานในประเด็นนี้ ซึ่งทุกๆวัน งานทุกอย่าง มีปรัชญา -คำสอนแฝงไว้อยู่เสมอ
เมื่อคุณไก่ แมลงสาบเปิดอ่านหนังสือ "ลูกผู้ชายชื่อจ๊าบ" รู้ข้อมูลหลายอย่างเพิ่มเติม จึงลงมือเขียนบทเพลงนี้ออกมาภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ใส่คอร์ด แต่งทำนองเพลงจนเสร็จ และนำมาขับร้องและเล่นดนตรีแบบอะคูสติกเป็นครั้งแรกแบบสดๆ เมื่อ 5 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไก่ แมลงสาบร้องสดๆ หลังจากพึ่งแต่งเพลงนี้เสร็จในระยะเวลาไม่ถึง 20 ชั่วโมง
นายบอน กาฬสินธุ์ ได้ฟังเพลงนี้สดๆครั้งแรก ฟังจนจบ ทั้งโดนใจ อึ้ง ทึ่ง ประทับใจมากๆ กับการหยิบประเด็นเล็กๆ แต่มีความหมายและคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก คำพูดที่ร้อยเรียงออกมาเป็นบทเพลง ต่างจากบทเพลงที่สดุดีวีรชนผู้จากไปในการต่อสู้ทุกๆครั้ง แต่วิถีชีวิตในแบบชาวบ้าน คำสอนของพ่อในวัยเด็ก ถูกนำมาร้อยเรียงให้มีคุณค่ายิ่งขึ้น จากประโยคสั้นๆ ที่ผู้คนที่อ่านหนังสือ อ่านผ่านสายตาอย่างรวดเร็ว และมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นอื่นๆที่เป็นข่าวในกระแสมากกว่า
ครั้งแรกในการร้องเพลงนี้ของไก่ แมลงสาบ พร้อมกับการบันทึกวิดีโอนี้ไว้ เขามีความตั้งใจร้องอย่างมาก ดีเจซัน สรัญญา อรรคราช ได้ฟังครั้งแรก ก็ชมว่า เพราะมากๆ ถ้านำไปบันทึกเสียง เรียบเรียงดนตรี เพลงนี้จะไพเราะมากๆ
"จงเป็นผู้กล้า ใช่ฟ้ามาลิขิต
จอนฟอนผู้อุทิศ ชีวิตเพื่อมวลชน"
ไก่ แมลงสาบ
แต่งเมื่อ 4 ก.ค.2552 เวลา 24.42 น.
ที่บ้านศิลปะ ดนตรี บ.ห้วยขวาง ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
นายบอน กาฬสินธุ์
บันทึก - 13 ก.ค.2553
วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ภาพบรรยากาศ ฅนจันท์ ไม่เอาโรงงานถลุงเหล็ก และ โรงงานอุตสาหกรรม วันที่ 9 กรกฎาคม 2553
ในงานนี้ มี 2 ศิลปิน จากกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ และไก่ แมลงสาบ ไปร่วมเวทีนี้ด้วย
*** สมัชชาสภาองค์กรชุมชนจันทบุรีจัดเวทีค้านตั้งโรงงานถลุงเหล็ก
....จันทบุรี - สมัชชาสภาองค์กรชุมชนจังหวัดจันทบุรี จัดเวทีปราศรัยคัดค้านการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็กในจังหวัด จันทบุรี พร้อมยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รวมทั้งเขียนป้ายผ้าคัดค้านไม่เอาโรงงานความยาวกว่า 50 เมตร
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรีนาย วีระ สุขกิจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ นายบุญเลิศ อุดมเลิศวัฒนะสิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเปริด ร.ต.ต.ปัญญาวัตร กระทุมเกตุ ประธานศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดเวที ปราศรัยคัดค้านการไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก หรือนิคมอุตสาหกรรมเหล็ก โดยได้มีการเชิญนักวิชาการผู้มีความรู้มาบรรยายให้ความรู้แก่ชาวบ้านในหลาย จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตราด ระยอง ชลบุรี สงขลา ปัตตานี และจันทบุรีกว่า 1,000 คน ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมการคัดค้าน ไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก หรือนิคมอุตสาหกรรมเหล็ก
สำหรับการจัดเวทีปราศรัยในครั้งนี้ สืบเนื่องด้วยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรอสิระในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้เป็นเจ้าภาพหลัก ในการดำเนินโครงการได้คัดเลือกพื้นที่เหมาะสม ที่จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำรอบๆอ่าวไทยไว้ 4 พื้นที่ คือ 1.พื้นที่ชายฝั่งตำบลเกาะเปริด ปากแม่น้ำเวฬุ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 2.พื้นที่ชายฝั่งหาดหมู่บ้านปรีชา วอยเนินกลางตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 3. พื้นที่ชายฝั่งบ้านหัวคุ้ง ท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา และ 4.พื้นที่ชายฝั่งบ้านบางเก่า ปะเสยาวอ บางตาหยาด อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
แต่ละพื้นที่โครงการต้องมีพื้นที่ 4,000-5,000 ไร่ หลังจากประมวลความเป็นไปได้เบื้องต้นประกอบกับรัฐบาลมีงบประมาณ จำกัด สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยจึงได้เลือกศึกษาความป็นไปได้ของ โครงการเพียง 2 พื้นที่ และได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ให้ดำเนินการศึกษาตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่จังหวัดจันทบุรี และสงขลา แต่ความเป็นไปได้กับพบว่าสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เลือกที่จะมาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเหล็กที่จังหวัดจันทบุรี ทำให้ในวันนี้ชาวบ้านจึงได้มีการมารวมตัวกันเพื่อคัดค้านไม่เอาโรงงาน อุตสาหกรรม
รวมทั้ง ได้มายื่นหนังสือให้ นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเพื่อผ่านไปทางรัฐบาลว่าชาวบ้านจังหวัดจันทบุรี ไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรม เพราะถ้ามีการมาจัดตั้งโรงงานแล้วจะเกิดผลเสียตามมาอีกมากมาย เช่น มลพิษทางเสียง กลิ่น น้ำเน่าเสีย หรือ อันตรายถึงโรงงานระเบิดจึงเป็นสิ่งที่ชาวบ้านในจังหวัดจันทบุรีไม่เห็นด้วย กับการที่โรงงานจะมาจัดตั้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีทำให้ในวันนี้จึงต้องมี การออกมาคัดค้านอย่างเต็มที่ นอกจากนี้จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองแห่งยุทธศาสตร์ศูนย์กลางการค้าผลไม้ ไม่สมควรที่จะมีโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ฅนจันท์คิดอย่างไรกับนิคมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ?
*** สมัชชาสภาองค์กรชุมชนจันทบุรีจัดเวทีค้านตั้งโรงงานถลุงเหล็ก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 9 กรกฎาคม 2553 16:09 น. |
....จันทบุรี - สมัชชาสภาองค์กรชุมชนจังหวัดจันทบุรี จัดเวทีปราศรัยคัดค้านการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็กในจังหวัด จันทบุรี พร้อมยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รวมทั้งเขียนป้ายผ้าคัดค้านไม่เอาโรงงานความยาวกว่า 50 เมตร
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรีนาย วีระ สุขกิจ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ นายบุญเลิศ อุดมเลิศวัฒนะสิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเปริด ร.ต.ต.ปัญญาวัตร กระทุมเกตุ ประธานศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดเวที ปราศรัยคัดค้านการไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก หรือนิคมอุตสาหกรรมเหล็ก โดยได้มีการเชิญนักวิชาการผู้มีความรู้มาบรรยายให้ความรู้แก่ชาวบ้านในหลาย จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดตราด ระยอง ชลบุรี สงขลา ปัตตานี และจันทบุรีกว่า 1,000 คน ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมการคัดค้าน ไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก หรือนิคมอุตสาหกรรมเหล็ก
สำหรับการจัดเวทีปราศรัยในครั้งนี้ สืบเนื่องด้วยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรอสิระในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้เป็นเจ้าภาพหลัก ในการดำเนินโครงการได้คัดเลือกพื้นที่เหมาะสม ที่จะจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำรอบๆอ่าวไทยไว้ 4 พื้นที่ คือ 1.พื้นที่ชายฝั่งตำบลเกาะเปริด ปากแม่น้ำเวฬุ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 2.พื้นที่ชายฝั่งหาดหมู่บ้านปรีชา วอยเนินกลางตะพง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 3. พื้นที่ชายฝั่งบ้านหัวคุ้ง ท่าบอน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา และ 4.พื้นที่ชายฝั่งบ้านบางเก่า ปะเสยาวอ บางตาหยาด อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
แต่ละพื้นที่โครงการต้องมีพื้นที่ 4,000-5,000 ไร่ หลังจากประมวลความเป็นไปได้เบื้องต้นประกอบกับรัฐบาลมีงบประมาณ จำกัด สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยจึงได้เลือกศึกษาความป็นไปได้ของ โครงการเพียง 2 พื้นที่ และได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ให้ดำเนินการศึกษาตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่จังหวัดจันทบุรี และสงขลา แต่ความเป็นไปได้กับพบว่าสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เลือกที่จะมาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเหล็กที่จังหวัดจันทบุรี ทำให้ในวันนี้ชาวบ้านจึงได้มีการมารวมตัวกันเพื่อคัดค้านไม่เอาโรงงาน อุตสาหกรรม
รวมทั้ง ได้มายื่นหนังสือให้ นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเพื่อผ่านไปทางรัฐบาลว่าชาวบ้านจังหวัดจันทบุรี ไม่เอาโรงงานอุตสาหกรรม เพราะถ้ามีการมาจัดตั้งโรงงานแล้วจะเกิดผลเสียตามมาอีกมากมาย เช่น มลพิษทางเสียง กลิ่น น้ำเน่าเสีย หรือ อันตรายถึงโรงงานระเบิดจึงเป็นสิ่งที่ชาวบ้านในจังหวัดจันทบุรีไม่เห็นด้วย กับการที่โรงงานจะมาจัดตั้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีทำให้ในวันนี้จึงต้องมี การออกมาคัดค้านอย่างเต็มที่ นอกจากนี้จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองแห่งยุทธศาสตร์ศูนย์กลางการค้าผลไม้ ไม่สมควรที่จะมีโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี
ฅนจันท์คิดอย่างไรกับนิคมอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ?
เพลง ราชภัฎทหารพระราชา - ผลงานชุด เกษตรโยธิน # ๒ ฉบับสมบูรณ์
"เราคือทหาร ของพระราชา
เราคือผู้กล้า รักษาแผ่นดิน "
ถิ่นบ้านเกิดเมืองนอน เราเอื้ออาทรทั่วทุกท้องถิ่น
เป็นทหารรักษาแผ่นดิน แม้ที่ทำกิน คือทรัพย์สินของปวงประชา"
นี่คือ อีกหนึ่งบทเพลงที่นำหลักปรัชญาของในหลวง มาเขียนเป็นบทเพลง มีคำแนะนำดีๆที่ในหลวงทรงพระราชทานให้แก่คนไทยมากมาย หลายคนจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือ อาจไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่คือ เจตนาของผู้ประพันธ์เพลงนี้ โดยการนำหลักปรัชญาของในหลวง มาร้อยเรียงเป็นบทเพลง เผยแพร่สู่คนฟังทั่วไป และนี่คือ บทเพลงที่ชื่อว่า ราชภัฎทหารพระราชา
เพลง ราชภัฎทหารพระราชา
อัลบั้ม ชุด เกษตรโยธิน # ๒ ฉบับสมบูรณ์
ศิลปิน คู่หูคู่ซี้ ดนตรีที่อิสระ
- วัลลภ พลเสน (ไก่ แมลงสาบ)
- สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
งานเพลงนี้ ถูกนำมาเรียบเรียงทำดนตรีใหม่ จนเป็นเพลง ราชภัฎทหารพระราชา (ฉบับสมบูรณ์) เพลงในจังหวะช้าๆ สไตล์บัลลาดร็อค ดนตรีในแบบเพลงยอดนิยมของวงร็อคที่มีชื่อเสียง แต่เพลงนี้เนื้อหากล่าวถึงชาวราชภัฏ
* คลิกที่นี่เข้าไปฟังเพลงฉบับแรก (เวอร์ชั่นแรก)
ฟังเพลงนี้ในฉบับสมบูรณ์แล้ว ทำดนตรีออกมาได้ลงตัวมาก เสียงกลอง กีตาร์ เบส ชัดขึ้น มีความลงตัวกว่าเพลงในเวอร์ชั่นแรก เนื้อหาในบทเพลง ฟังดูแล้ว มีความยิ่งใหญ่ กล่าวถึงความสำคัญของชาวราชภัฎที่มีคุณค่าและมีความหมายมากกว่าการเป็นเพียงสภาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง และหลายคนมักจะพบชาวราชภัฏทำงานอยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ สร้างสิ่งที่ดีๆให้กับเมืองไทยมากมายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว หลายคนได้ฟังเพลงนี้แล้ว เกิดความประทับใจ หลายคนย้ำตาซึมกับบทเพลงที่ถ่ายทอดหัวใจของความเป็นราชภัฎออกมาได้อย่างตรงความหมาย เพลงนี้ถือเป็นเพลงยอดเยี่ยมเพลงหนึ่งในอัลบั้มชุดนี้
"..ชาวราชภัฏขอยืนหยัดข้างพระราชา อีกแรงที่แข็งกล้า
นำปรัชญาพัฒนาประเทศไทย
... เป็นนักรบของพระราชา เราเป็นข้าเบื้องบาทยุคล
เป็นนักรบของประชาชน พร้อมอุทิศตน...ให้คนทั้งโลกา"
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เรื่องค่าตัวของดารา-ศิลปินกับน้ำใจคนไทย ในคอนเสิร์ตแสงดาวแห่งศรัทธา แด่ หมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ 25 ก.ย.2553
ในการจัดคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง มีค่าใช้จ่ายมากมาย คิดแค่เฉพาะค่าตัวของศิลปิน ดารานักร้องแต่ละคน ยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ค่าตัวก็สูงขึ้นเท่านั้น ยิ่งเป็นงานที่มีดารานักร้อง ศิลปินหลายคนมารวมกัน ก็ยิ่งต้องจ่ายค่าตัวเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มมากขึ้น
ในคอนเสิร์ตแสงดาวแห่งศรัทธาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2553 นี้ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นคอนเสิร์ตการกุศลที่จะมีศิลปินนักร้องหลายคนขึ้นเวที อาทิ จอย ศิริลักษณ์, พี่หงา คาราวาน, พี่ปู พงษ์สิทธิ์, พี่โจ นูโว ฯลฯ
หากคิดเฉพาะค่าตัวดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงอย่าง จอย ศิริลักษณ์ ค่าตัวหลักแสนบาท และศิลปินคนอื่นๆอีกล่ะ แต่เนื่องจากคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตการกุศล ผู้จัดงานและองค์กรที่ร่วมสนับสนุน เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่อสังคม ไม่มีเงินทุนมากมายเหมือนบริษัทธุรกิจค่ายเพลงที่สามารถทุ่ม งบประมาณจัดคอนเสิร์ตได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการได้เต็มที่
หลังจากการประชุมเตรียมงาน ทำความเข้าใจกันในรายละเอียดต่างๆ ก้ได้เห็นน้ำใจของดารา ศิลปินที่จะร่วมงานในครั้งนี้ ทุกคนจะได้รับค่าตอบแทนเท่ากัน (จำนวนหลักหมื่นบาทตามที่ตกลงกันในที่ประชุม ซึ่งจะเป็นอัตราค่าตอบแทนที่ใช้เฉพาะในคอนเสิร์ตครั้งนี้เท่านั้น ) ซึ่งศิลปินทุกคนเต็มใจร่วมงานในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพื่อคนดีของสังคม "คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์"
สำหรับเพลงที่จะนำมาขับร้องในคอนเสิร์ต มีบทเพลงที่ถูกทำดนตรีใหม่ เพื่อคอนเสิร์ตในครั้งนี้ โดยเฉพาะ ได้นักประพันธ์ดนตรีชั้นครู อย่าง อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำเพลงหนึ่งๆ หลักหมื่นบาท ทางผู้จัดงานต้องเจรจาขอความอนุเคราะห์ และ อ.ธนิสร์ ได้แสดงน้ำใจ คิดค่าใช้จ่ายในการทำเพลงครั้งนี้ในราคาพิเศษ
ศิลปินเพื่อชีวิตบางท่าน ประสบปัญหาทางการเงิน การขึ้นเวทีร้องเพลง ก็สมควรที่จะได้ค่าตอบแทนเต็มจำนวนที่ควรจะได้รับ แต่สำหรับในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศิลปินท่านนั้นบอกว่า "ก็แล้วแต่ทางผู้จัดละกัน" ไม่ได้ติดใจเรื่องค่าตัว เท่าไหร่ก็ได้ แต่จะร้อง-เล่นดนตรีให้อย่างเต็มที่
นี่คือน้ำใจของคนไทย จากศิลปิน ดาราที่จะร่วมในงานคอนเสิร์ตแสงดาวแห่งศรัทธา คอนเสิร์ตการกุศลที่ทุกคนมาร่วมงานกันด้วยหัวใจและใจ.....
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2495 เป็นลูกคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 6 คนในครอบครัวชาวจีนในกรุงเทพมหานคร ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย นพ.สงวนเป็นนักกิจกรรม ได้ออกค่ายในช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 ซึ่งทำให้ได้พบประสบการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อน นอกจากกิจกรรมออกค่ายแล้ว จากนิสัยรักการอ่าน ยังเป็นบรรณาธิการหนังสือ "มหิดลสาร" ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย หนังสือที่เขาชอบอ่านคือ วารสารสังคมปริทัศน์ เศรษฐศาสตร์ชาวบ้าน และ หนังสือพิมพ์มหาราช
หลังจากเรียนจบในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519 บรรยากาศความตื่นตัวของนักศึกษามีอยู่ทั่วไป นักศึกษาด้านการแพทย์จบใหม่ล้วนมีความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม และอยากไปทำงานชนบท นพ.สงวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จึงเข้าทำงานที่โรงพยาบาลวชิระ กรุงเทพมหานคร อยู่ 1 ปี ก่อนจะออกไปเป็นแพทย์ชนบท ที่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ 5 ปี
ก่อนเสียชีวิต นพ.สงวน ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด และมีอาการทรุดหนักด้วยอาการน้ำท่วมปอดและไตไม่ทำงานหนึ่งสัปดาห์ก่อนเสีย ชีวิต ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. ของวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551 ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยอายุ 56 ปี
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
แรงบันดาลใจจากเพลง "คนพเนจร" ของวง TheแมลงสาบProject กับการค้นหาคำตอบของหนุ่มน้อยวัย 20 ปีที่ขอนแก่น
มีบทเพลงมากมายที่ผ่านหูคนเราในปัจจุบัน แต่มีเพียงไม่กี่เพลงเท่านั้น ที่มีคุณค่า มีความหมายต่อชีวิตและเปลี่ยนความคิดของคนเราได้ จากถ้อยคำบางคำในบทเพลงนั้น
มีหนุ่มน้อยนักศึกษาวัย 20 ปี เรียนอยู่ที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทของผู้สื่อข่าว เพื่อนมักจะโทรมาปรึกษาอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องของน้องชายกับปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นหลายอย่างที่ยังคงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที
ดูเหมือนผู้เป็นพี่ ก็คงไม่เข้าใจในโลกส่วนตัวของน้องมากนัก แม้จะพยายามสอบถาม แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบสักที
ดูเหมือนว่า ชีวิตของหนุ่มน้อยคนนี้ จะดูเลื่อนลอยไปวันๆ ไม่มีแก่นสารใดๆทั้งสิ้น ผู้เป็นพี่พยายามหาวิธีช่วยเหลือน้องหลายวิธี แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังไม่รู้ว่า น้องมีปัญหาอะไรกันแน่
...แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา น้องชายเดินเข้ามาคุยกับพี่ ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิม น้องชายถือเครื่องเล่น mp3 แล้วบอกให้พี่ฟังเพลงที่ชื่อ "คนพเนจร" ดู น้องชายชอบเพลงนี้มากๆ จนพี่ชายรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นน้องชายชอบเพลงไหน ถึงขนาดเอามาให้พี่ชายฟังด้วยแบบนี้
น้องชายบอกว่า เล่นอินเทอร์เนตแล้วลองค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ คลิกไปจนเจอเพลง "คนพเนจร" ในเวบแห่งหนึ่งเลยลองคลิกฟังดู แล้วรู้สึกสะดุดใจกับหลายคำในเพลงนี้ ทำให้นั่งคิดอะไรหลายอย่าง พอเพลงจบแล้วก็คลิกฟังอีกรอบ รู้สึกชอบเลยดูชื่อเพลง แล้วหาวิธีดาวน์โหลดเอามาให้ฟัง
ผู้สื่อข่าวฟังที่เพื่อนเล่าแล้ว ถึงกับอึ้ง เวบนั้น ก็น่าจะเป็นเวบ บ้านศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน แห่งนี้นี่เอง พอฝากถามถึงน้องชายว่า เวบที่ว่า เป็นแบบไหน ชื่อเวบอะไร ปรากฏว่า เป็นบ้าน บ้านศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน
เวบนี้จริงๆ
บทเพลงคนพเนจร ในอัลบั้ม Theแมลงสาบ Project 1 ชุด ไอ้ถิก คนบ้าประจำซอย ผลงานเพลงที่ผลิตขึ้นมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัลบั้มที่หาฟังยากมากๆ คุณไก่ แมลงสาบพึ่งจะอนุญาติให้นำเพลงมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เนตได้ไม่นาน เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้สนใจคลิกเข้ามาฟังบทเพลงดีๆเหล่านี้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ซึ่งบทเพลงในแบบของ Theแมลงสาบ Project บางคนฟังแล้วชื่นชอบ บางคนฟังแล้วเฉยๆ เนื้อหาในบทเพลงอาจจะไปตรงกับวิถีชีวิตหรือความคิดของคนฟังในเวลานั้น เมื่อเนื้อหาของเพลง เขียนได้ตรงใจคนฟัง จึงกลายเป็นความประทับใจในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
"....เพลงนี้ พอฟังแล้ว เหมือนได้หยุดทบทวนตัวเองในช่วงเวลาที่กำลังสับสนกับชีวิตของตัวเอง บางคำในเพลงฟังแล้วรู้สึกเหมือนคนร้องพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา เหมือนที่ผ่านมา เราเป็นคนพเนจร หาคำตอบให้กับชีวิตตัวเอง แต่ในบทเพลงก็เหมือนกับจะให้คำตอบบางอย่างไว้แล้ว...."
นี่เป็นคำอธิบายที่น้องชายของเพื่อน บอกออกมา ผู้สื่อข่าวลองเปิดฟัง เพลง คนพเนจร รู้สึกว่า เป็นบทเพลงที่มีความหมายที่ดี มีข้อคิดในบทเพลงหลายๆจุด แต่ผู้สื่อข่าวฟังแล้ว ไม่ได้รู้สึกแบบที่น้องชายของเพื่อนบอกมา
บางทีอาจจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของชีวิต วันเวลาในช่วงนี้ของน้องคนนี้ มีหลายอย่างตรงกับเนื้อหาในบทเพลง คนพเนจร แต่ชีวิตในปัจจุบันของผู้สื่อข่าวไม่ได้ตรงกับบทเพลงนี้เหมือนอย่างน้อง จึงไม่ได้รู้สึกประทับใจมากมายเหมือนน้องคนนี้
แต่ที่น่าปลื้มใจ คือ บทเพลงนี้ ซึ่งหาฟังยาก เป็นเพลงที่เขียนออกมาเมื่อ 20 ปีก่อน ในวันและวัยของคนร้องและคนเขียนเพลงที่อยู่ในช่วงแสวงหาจุดหมายในชีวิตเช่นกัน น่าปลื้มใจที่บทเพลงที่มีกลุ่มคนฟัง จำนวนที่ไม่มากนักในปัจจุบัน ยังมีคนค้นพบ และฟังอย่างตั้งใจ ทั้งๆที่มีบทเพลงมากมายในยุคปัจจุบัน ที่เปิดให้ฟังนับครั้งไม่ถ้วน
แต่น้องคนนี้ ยังค้นพบบทเพลง คนพเนจร เปิดฟังและได้ข้อคิดเตือนสติของตัวเองได้..
ถึงแม้ น้องคนนี้ อาจจะเป็น 1 ในแสนคน หรือหนึ่งในล้านคนที่ค้นพบ-ฟังเพลงนี้แล้วคิดจนได้คำตอบบางอย่างก็ตาม
คนพเนจร
คำร้อง ต่อ พลเสน
ทำนอง แมลงสาป
บนเส้นทางที่แสนไกล จะก้าวไปดั่งใจหวัง
คงจะพบที่สุขสันต์ มีสักวันได้เป็นจริง
ตะวันจะลับขอบฟ้า เหมือนเป็นสัญญาเตือนให้
หยุดพักผ่อนอย่าร้อนใจ แล้วเอนกายลงข้างทาง
หรีดหริ่งประสานเสียง เป็นสำเนียงกล่อมไพร
หิ่งห้อยเจ้าน้อยไฟ วนเวียนไปไร้ทุกข์ตรม
บนเส้นทางที่ผ่านไป แดนศิวิไล อยู่ไกลห่าง
ไม่เคยพบเส้นทาง ฟ้าเลือนลางจะถามใคร
เดินทางมานานวัน เส้นทางนั้นย่อมเปลี่ยนแปลง
อ่อนระโหยโรยแรง ภายใต้แสงจันทรา
วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เทคนิคของคนเขียนเนื้อเพลงเก่งและแต่งเพลงได้มากมาย เคล็ดลับของศิลปินเพื่อชีวิต
เมื่อเราฟังเพลงและติดตามรายละเอียดของเพลงนั้นว่า ใครเป็นคนเขียนคำร้อง-ทำนอง หลายครั้งเรารู้สึกทึ่ง เมื่อรู้ว่าเพลงหลายเพลง เป็นฝีมือการเขียนเพลงของคนๆเดียว ซึ่งเขียนเพลงได้โดนใจได้มากมาย เช่น บอย โกสิยพงษ์, ครูสลา คุณวุฒิ, นิติพงษ์ ห่อนาค ฯลฯ
หลายคนรู้ข้อมูลว่า มีศิลปินนักร้องหลายคน สามารถเขียนเนื้อเพลงได้เอง ทั้งแต่งคำร้อง ทำนอง ทำได้เองทุกอย่าง และทำเพลงออกมาได้เรื่อยๆอย่าง ยืนยง โอภากุล, หงา คาราวาน, สุเทพ วงโฮป, แฮมเมอร์, ซูซู ฯลฯ ศิลปินบางคน เคยเขียนเนื้อเพลง แต่งเพลงไม่ดัง เลยต้องรอให้นักแต่งเพลงของบริษัท เป็นคนเขียนเพลงให้ถึงได้ออกอัลบั้ม แต่ศิลปินหลายคน มักจะเขียนเพลงด้วยตัวเอง แม้เพลงจะโด่งดังหรือไม่ก็ตาม แม้จะเขียนเพลงเพื่อกลุ่มเป้าหมายเล็กๆ ทำเพลงใต้ดิน มีกลุ่มคนฟังไม่มากเท่าไร แต่ก็ยังเขียนเพลงออกมาอย่างสม่ำเสมอ
หลายคนรู้ข้อมูลว่า มีศิลปินนักร้องหลายคน สามารถเขียนเนื้อเพลงได้เอง ทั้งแต่งคำร้อง ทำนอง ทำได้เองทุกอย่าง และทำเพลงออกมาได้เรื่อยๆอย่าง ยืนยง โอภากุล, หงา คาราวาน, สุเทพ วงโฮป, แฮมเมอร์, ซูซู ฯลฯ ศิลปินบางคน เคยเขียนเนื้อเพลง แต่งเพลงไม่ดัง เลยต้องรอให้นักแต่งเพลงของบริษัท เป็นคนเขียนเพลงให้ถึงได้ออกอัลบั้ม แต่ศิลปินหลายคน มักจะเขียนเพลงด้วยตัวเอง แม้เพลงจะโด่งดังหรือไม่ก็ตาม แม้จะเขียนเพลงเพื่อกลุ่มเป้าหมายเล็กๆ ทำเพลงใต้ดิน มีกลุ่มคนฟังไม่มากเท่าไร แต่ก็ยังเขียนเพลงออกมาอย่างสม่ำเสมอ
8 คลิปวิดีโอ มินิคอนเสิร์ตแบบอะคูสติกของวง TheแมลงสาบProject ที่สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง จ.ชลบุรี เมื่อ 5 ก.ค.2553
ในบรรดาศิลปินเพื่อชีวิตหลายคน มีผลงานเพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากความคิด จิตวิญญาณ จากหัวใจอิสระที่ไม่ถูกปิดกั้นจากเงื่อนไขทางธุรกิจของบริษัททำเพลง ทำให้ผลงานเพลงของศิลปินกลุ่มนี้หาฟังยาก ศิลปินมักทำเพลงเอง ขายเอง โดยการไปแสดงดนตรีตามสถานที่ต่างๆ การเล่นดนตรีเปิดหมวก หรือนำผลงานเพลงฝากขายที่ร้านค้าบางแห่งที่ขายเพลงในแนวนี้ ซึ่งจะมีกลุ่มคนฟังที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น แม้จะเป็นผลงานเพลงที่หาซื้อยาก แต่ก็พยายามไปหามาฟังจนได้ ซึ่งผลงานเพลงของศิลปินอิสระเหล่านี้ เนื้อหาในบทเพลงโดนใจ ถูกใจคนฟังอย่างมาก จนพูดถึงกันปากต่อปาก จนต้องหามาฟังกัน ทำให้ผลงานเพลงของศิลปินอิสระมีราคาขายที่แพงกว่า งานเพลงของศิลปินที่อยู่ในระบบธุรกิจเพลงไทย เพราะหายาก และมีคนอยากได้จริงๆ จ่ายแพงกว่าก็พร้อมจะซื้อ
วง Theแมลงสาบproject กลุ่มศิลปินที่มีชื่อเสียงในแวดวงศิลปินเพื่อชีวิต เมื่อช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ในยุคที่เพลงเพื่อชีวิตเฟื่องฟู หลายคนได้ฟังเพลงแล้ว ชื่นชอบในเนื้อหาของบทเพลงที่โดนใจ ตรงใจ อัลบั้มเก่าๆยังมีคนสอบถาม ตามหากันอยู่ มีหลายคนถามไถ่มาว่า ศิลปินกลุ่มนี้ มีสถานที่เล่นดนตรีประจำอยู่ที่ใด หากผ่านไปยังจังหวัดนั้น จะหาโอกาสไปฟังการร้องสด เล่นสดๆบ้าง อยากได้พบปะ พูดคุยกับศิลปินอย่างใกล้ชิดสักครั้งหนึ่ง
วง TheแมลงสาบProject ที่มีสมาชิกหลัก 2 พี่น้อง คือ คุณต่อ อดิศักดิ์ พลเสน และ คุณไก่ วัลลพ พลเสน ปัจจุบัน คุณต่อ ทำธุรกิจส่วนตัว และดูแลสถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง ที่ จ.ชลบุรี ส่วนคุณไก่ ยังเขียนเพลง ทำอัลบั้ม และเล่นดนตรีตามเวทีที่จัดกิจกรรมของกลุ่มเครือข่าย, หน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ ผู้ที่มาร่วมงานนั้นๆ มีโอกาสได้ดูการแสดงดนตรีสดๆ ร้องสดๆ ของคุณไก่ วัลลพ พลเสน หรือ ไก่ แมลงสาบ ตามงานเหล่านั้น
เมื่อหลายคนอยากฟัง อยากดูคอนเสิร์ต อยากสัมผัสการแสดงดนตรีของ TheแมลงสาบProject สักครั้ง แต่สมาชิกในวง ไม่ค่อยได้รวมตัวเล่นดนตรีมานานพอสมควร นี่คือ วิดีโอบันทึกการแสดงสด แบบมินิคอนเสิร์ต อะคูสติกของวงTheแมลงสาบProject ในบรรยากาศการแสดงในแบบฉบับของพวกเขา ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน แต่คลิกชมกันได้แล้วที่นี่ ชมได้ทุกเวลาที่ต้องการ
รูปแบบการจัดมินิคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทำการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุชุมชนในช่วงแรกด้วย ดีเจซัน สรัญญา อรรคราช พูดเปิดรายการและมีบรรยากาศการเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์เล่นดนตรีกันแบบสดๆ แล้วเริ่มต้นเล่นสดในเพลง " คนพเนจร" จากอัลบั้มชุดแรกสุด คือ "TheแมลงสาบProject 1 " พร้อมกับการพูดคุยทักทายผู้ชมผู้ฟัง.. ซึ่งได้เห็นเบื้องหน้าเบื้องหลังในวิดีโอนี้
วิดีโอที่ 2 นี้ กับ 2 บทเพลงเด่นของ TheแมลงสาบProject นั่นคือ เพลง "ไอ้ถิก" ซึ่งคุณต่อ เสบียง ได้พูดถึงที่มาของเพลงไอ้ถิกไว้ด้วย ตามด้วยเพลง "เพราะเรารักเธอ" ในแบบสดๆเช่นกัน
ฟัง 2 พี่น้องพูดถึง ประวัติความเป็นมาและเป็นไปของวง TheแมลงสาบProject และ วง เสบียง จะได้รู้ว่า ทำไมถึงเรียก 2 พี่น้องว่า ต่อ-เสบียงและ ไก่ แมลงสาบ ตามด้วยเพลงเด่นที่ชื่อ "กองไฟใต้สายฝน" แม้คุณต่อ เสบียงจะไม่ได้ร้องเพลง เล่นดนตรีมานานพอสมควร แต่ยังร้องเพลงนี้อย่างเต็มเสียงได้อย่างน่าฟังทีเดียว
วิดีโอนี้ คุณต่อเล่าถึงที่มาของบทเพลง "ลารักจากหนองตะเคียน" ได้ฟังมุมมองที่หยิบมาเขียนบทเพลงและขับร้องด้วยตัวเอง
เล่นไปหลายเพลง ก็ยิ่งเข้าถึงใน ถึงความรู้สึกมากขึ้น 2 พี่น้องเลยเล่าถึงที่มาของบทเพลง "ตะเกียงเคียงดาว" พร้อมข้อคิดดีๆและเสียงหัวเราะที่เป็นกันเอง
มาถึงบทเพลงเด่นอีกบทเพลง "เราพอมีเราจะแบ่งปัน" ฟังมาถึงตอนนี้แล้ว รู้สึกว่า โชคดีมากๆ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้ชมการแสดงสดๆบนเวทีของวง TheแมลงสาบProject เมื่อหลายปีก่อน แต่บรรยากาศแบบมินิคอนเสิร์ตสไตล์อะคูสติก ก็ยอดเยี่ยม ให้อรรถรสได้เต็มอิ่มเช่นกัน
มาถึงเพลงเอกที่ถูกนำไปใส่ไว้ในหลายอัลบั้ม เพราะมีความหมายที่ดีมากๆ เพลง "วันของเธอ" ที่ตั้งใจเขียนให้งานแต่งงาน แต่เนื้อหาให้ข้อคิดเตือนใจได้หลายเหตุการณ์
เพลงสุดท้ายของการแสดงมินิคอนเสิร์ต เพลง "กูคนจน" ที่ร้องเต็มเสียง และดนตรีเล่นเต็มที่ เพลงปิดท้ายมินิคอนเสิร์ตในครั้งนี้
นักดนตรี TheแมลงสาบProject
- ต่อ เสบียง อดิศักดิ์ พลเสน - ร้อง, กีตาร์, ไวโอลิน, ขลุ่ย
- ไก่ แมลงสาบ วัลลพ พลเสน - ร้อง, กีตาร์, เม้าออร์แกน
- สำรวม บางบัวทอง - กลอง
ถึงแม้ว่า TheแมลงสาบProject จะทำงานเพลง เป็นกลุ่มศิลปินอิสระ ไม่ได้อยู่ในระบบธุรกิจ ค่ายเพลงที่มีทุน+สื่อประชาสัมพันธ์ ทำให้การหาฟังผลงานเพลง หรือแม้กระทั่ง เทปหรือ วีซีดี บันทึกการแสดงสดนั้น หายากมากๆ หรือ หาไม่ได้เลย แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ - เครือข่ายอินเทอร์เนต เครื่องมือต่างๆเหล่านี้ ทำให้กลุ่มศิลปินอิสระอย่าง TheแมลงสาบProject มีวิดีโอบันทึกการแสดงสด เป็นมินิคอนเสิร์ต ออกมาให้ผู้สนใจได้คลิกเข้ามาชมกันอย่างเต็มอิ่ม อีกทั้งตัวศิลปิน สามารถร้อง-เล่น-และพูดได้อย่างเต็มที่อย่างที่ศิลปินอยากจะทำ
.... มินิคอนเสิร์ต อะคูสติก TheแมลงสาบProject
..... สนับสนุนโดย
- กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน
- สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง FM 98.15 MHz
- http://thaibansinlapin.blogspot.com
ฟังเพลง ควายคาบจอบ จากอัลบั้มเกษตรโยธิน๒ ฉบับสมบูรณ์ เพลงร็อคที่สอดแทรกปรัชญาอย่างลงตัว
"นักรบมีดาบ เราชาวนามีจอบ
มีเสือคาบดาบ เรามีควายคาบจอบ"
โดยปกติแล้ว บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวนา เกษตรกรไทย มักจะเป็นเพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต ในแนวอะคูสติก มีเครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น เนื้อหาบอกเล่าถึงวิถีชีวิตแบบชนบทบ้าง พูดถึงเรื่องราวความรักบ้าง แต่สำหรับบทเพลง "ควายคาบจอบ" เพลงที่พูดถึงวิถีชีวิตของชาวนา และมี "ควาย" ที่มีส่วนในกิจกรรมทางการเกษตรนั้น บทเพลงนี้ถูกทำออกมาในแนวดนตรีร็อค จังหวะเร็วๆ เสียงกลองรัวเร็วพอประมาณ เสียงกีตาร์โซโล่สะใจฟังแล้วอยากดูการแสดงสดบนเวที เล่นอย่างเต็มวงในเพลงนี้จริงๆ
ควายคาบจอบ ขับร้องโดย สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ และ วัลลพ พลเสน หรือ ไก่ แมลงสาบ คู่หูคู่ซี้ดนตรีอิสระ ร่วมมือกันทำอัลบั้มชุด เกษตรโยธิน ซึ่งเป็นชุดที่ ๒ แล้ว เป็นอัลบั้มที่นำหลักปรัชญาของในหลวงมาเขียนเป็นบทเพลงรวม 12 เพลง ซึ่งเพลงที่นำมาให้ฟัง โดยใส่ไว้ใน youtube นี้ เป็นบทเพลงในฉบับสมบูรณ์ ซึ่งได้ทำการเรียบเรียงดนตรีให้ไพเราะน่าฟังขึ้นกว่าเดิม หลังจากกรทำเพลงออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน แต่หลายบทเพลงในอัลบั้มชุดที่ ๒ นี้ ในส่วนของภาคดนตรียังไม่สมบูรณ์มากนัก จึงต้องปรับปรุงแก้ไขในบางส่วนของบทเพลง จนเป็นอัลบั้ม เกษตรโยธิน ๒ (ฉบับสมบูรณ์)
เริ่มฟังเพลงตั้งแต่ต้นเพลง จังหวะกลองคึกคักคุ้นหู ดูท่าทางจะเป็นบทเพลงในจังหวะ 3 ช่าธรรมดาๆ โจ๊ะๆไปจนจบเพลง แต่พอฟังไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงโซโล่กีตาร์ช่วงกลางเพลง ที่ออกแนวฮาร์ดร็อคนิดๆ โซโล่สะใจ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์กลิ่นอายแบบไทยๆ อย่างลงตัว ในส่วนของเนื้อเพลงที่เขียนโยงเนื้อหาเข้ากับหลักปรัชญาของในหลวง จาก ควายคาบจอบ ผูกโยงไปถึงเรื่องการทำมาหากิน เป็นไทยแต่ไม่เป็นทาส ชีวิตของคนไทยต้องปลอดภัย ..แล้วกลับมาตอกย้ำ ด้วยท่อนฮุค "มีเสือคาบดาบ เรามีควายคาบจอบ" ให้คนฟังร้องตามได้ และสามารถจดจำเพลงนี้ได้ง่ายๆ
ทำเพลงที่มีดนตรีแนวร็อคโจ๊ะๆแบบนี้ กล่มคนฟัง ชัดเจนว่า เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียน-นักศึกษา ที่ชอบฟังเพลงที่มีดนตรีสนุก โดนใจ แต่การทำเพลงในยุคปัจจุบัน มักจะทำเพลงสำหรับวัยรุ่น เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความฝัน ความคิดถึง อกหัก แอบรัก ฯลฯ เป็นประเด็นหลัก ทั้งๆที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ก็อยากฟังเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ มีคุณค่าเช่นกัน แต่เพลงที่มีเนื้อหาดีๆ ไม่ค่อยมีสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้มากนัก เพราะสื่อกระแสหลักเลือกที่จะเปิดเพลงรักเป็นหลัก เพลงควายคาบจอบและอัลบั้มชุด เกษตรโยธิน จึงเป็นอีกทางเลือกของคนรุ่นใหม่ ในการฟังเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ ในแนวดนตรีร่วมสมัยที่วัยรุ่นชื่นชอบ
ถึงแม้ ไก่ แมลงสาบ และสุเวศน์ ภู่ระหงษ์ จะเป็นศิลปินอิสระ แต่ก็มีโอกาสขึ้นเวทีแสดงดนตรีตามงานต่างๆ ในพน้ทที่ภาคตะวันออกของไทย ได้นำแผ่นซีดีอัลบั้มชุดนี้ไปแจกให้ผู้เข้าร่วมงาน กลับไปฟังที่บ้านอีกด้วย
"นักรบมีดาบ เราชาวนามีจอบ
มีเสือคาบดาบ เรามีควายคาบจอบ
จะคิดจะทำ เรามีความรอบคอบ
ชีวิตกับจอบ มันมีความสำคัญ "
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เรื่องของไก่ แมลงสาบ กับสมาคมคุ้มครองการทำกินของคนไทย ที่คุยกันใน facebook เมื่อ 10 ก.ค.2553
ใน facebook.ยังคงมีเรื่องราวการพูดคุยเกี่ยวกับไก่ แมลงสาบ กับการนำผลงานเพลงไปเผยแพร่ทาง facebook ให้กับทาง สมาคมคุ้มครองการทำกินของคนไทย ซึ่งมีประเด็นพูดคุยกันดังที่เห็นนี้
รายละเอียดทั้งหมด
รายละเอียดทั้งหมด
www.youtube.com
แต่งให้กับ สมาคมคุ้มครองการทำกินของคนไทย กรกฏาคม 2553 นำมาเล่นครั้งแรก ในสไตล์อะคูสติก ที่สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง โดยhttp://thaibansinlapin.blogspot.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)