วันนี้(23 พฤศจิกายน) เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ หอประชุมที่วาการอำเภอเมือง จังหวัดเลย ได้มีการจัดเวทีการประชุมระดั บชุมชนและประชาคม ครั้งที่ 2 โครงการศึ กษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่ งแวดล้อม(EIA) และการประเมินสิ่งแวดล้อมระดั บยุทธศาสตร์(SEA) ภายใต้ โครงการบริหารจัดการน้ำโขง-เลย- ชี-มูล โดยแรงน้ำถ่วง ภาคตะวันออกเฉียง ซึ่งกรมชลประทานได้ว่าจ้าง บริษัทปัญญาคอลซัลแตนท์ จำกัด บริษัทครีเอทีฟเทคโนโลยี จำกัด บริษัท เอส เอ็น ที คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เซ้าอีสเอเชียเทคโนโลยี จำกัด ให้ดำเนินการจัดเวทีเพื่ อนำเสนอข้อมูลโครงการศึกษาและรั บฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย ภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสาธารณชนที่มีความสนใจเข้ าร่วมเวทีในครั้งนี้
บรรยากาศของการจัดเวทีในครั้งนี
ทั้งนี้ นายทรงศักดิ์ เสาวัง ผู้อำนวยการกลุ่มการมีส่วนร่
“เวทีในครั้งนี้จัดขึ้นมาเพื่ อที่จะมาฟังความคิดเห็นจากพี่น้ องประชาชน และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้ องต่อการที่จะดำเนินการโขงเลยชี มูล ว่ามีความคิดเห็นต่อโครงการอย่ างไรบ้าง ซึ่งขอเน้นย้ำว่าขั้ นตอนของโครงการนั้น อยู่ในขั้นตอนของการศึกษา เพื่อพยายามจะหาทางเลือกที่ หลากหลายของการทำโครงการ ซึ่งถ้าหากได้ทำขึ้นมาจริงๆ โครงการก็จะเกิดประโยชน์ต่ อเกษตรกรในภาคอีสานเป็นอย่ างมาก”
ด้านนายกัญ วงศ์อาจ ตัวแทนชาวบ้านจากอำเภอเชี ยงคานจังหวัดเลย ได้แสดงความคิดเห็นภายในเวที ในครั้งนี้ว่า การชี้แจงถึงรายละเอี ยดของโครงการยังไม่ชัดเจน พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะพู ดถึงผลกระทบของโครงการ
“สิ่งที่สังเกตได้ชัดในเวทีในวั นนี้คือ กรมชลหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึ งเขื่อนเชียงคานที่เป็นส่วนหนึ่ งของโครงการ ซึ่งถ้าหากสร้างขึ้นมาเพื่อที่ จะดันน้ำโขงให้สูงขึ้นเพื่อผั นน้ำที่ปากน้ำเลยนั้น สิ่งที่ตามมาจะเกิดความเสี ยหายเป็นอย่างมาก หมู่บ้านท้ายน้ำจะถูกน้ำท่วม ระบบนิเวศถูกทำลาย แต่กลับไม่มีการชี้แจงข้อมู ลในส่วนนี้ในเวที พูดแต่รายละเอียดเชิงเทคนิค และผลประโยชน์จากโครงการเพียงด้ านเดียวเท่านั้น และในหลายเวทีเวลาถามถึงความชั ดเจนต่อปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ ้น กรมชลก็จะบอกเพียงว่ายังอยู่ ในขั้นตอนของการศึกษา เพื่อที่จะหาทางเลือกที่เหมาะสม อย่าเพิ่งกังวลใจ”
ในส่วนของ นายสุทธิ แถวบุญตา ตัวแทนชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์ แม่น้ำโขง อำเภอปากชม จังหวัดเลย ได้กล่าวถึงการจัดเวทีประชุ มระดับชุมชนและประชาคมในครั้งนี ้ว่า
“น่าจะมีการเอาชาวบ้านที่อยู่ ในพื้นที่ๆ จะได้รับผลกระทบที่จะเกิดขึ้ นจริงๆ มารับฟังข้อมูล และแสดงความคิดเห็น เพราะการจัดเวทีในครั้งนี้ และหลายครั้งที่ผ่านมา ก็มักจะเชิญแต่ผู้นำ ซึ่งในความเป็นจริงผู้ที่จะได้ รับความเดือดร้อมก็คือชาวบ้ านในพื้นที่ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และทำกินในบริเวณที่เป็นพื้นที่ โครงการ อีกอย่างหนึ่งก็คือการชี้ แจงของกรมชลนั้นจะมาพูดถึงแต่ เรื่องการชดเชยความเสี ยหายของชาวบ้านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องชี้ให้ชัดไปเลยถึ งผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิ ดขึ้นของโครงการอย่างชัดเจนให้ กับชาวบ้านในพื้นที่ได้รับรู้”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ทางกรมชลประทานก็ได้จัดเวที ในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้น ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึ กษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 3 อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้แทนจากส่ วนราชการ และองค์การปกครองท้องถิ่น แต่มีประชาชนในพื้นที่ดำเนิ นโครงการมาเข้าร่วมไม่ถึง 10 ราย เนื่องจากว่าไม่รับทราบว่าจะมี การจัดเวทีดังกล่าว
โดย ทางด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ เลขาธิ การคณะกรรมการประสานงานองค์กรพั ฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวต่ อการจัดเวทีประชาคมทั้งสองครั้ งของกรมชลประทาน ว่า
โครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่ผ่ านๆมาของรัฐคือ เน้นชูประเด็นเรื่ องของผลประโยชน์ที่เกษตรกรหรื อประชาชนในพื้นที่โครงการจะได้ รับอย่างมหาศาล โดยกลบซ่อนอำพรางชุดข้อมูลที่ แท้จริงเอาไว้ เช่น เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่อุ ตสาหกรรม ผลกระทบต่อผู้คนในชุมชนท้องถิ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคม เรื่องกระบวนการมีส่วนร่วม
“สิ่ง ที่เกิดขึ้นได้ชี้ให้เห็นว่ าเวทีประชาคมที่กรมชลฯกล่าวอ้ างว่าเป็นการสร้าง การมีส่วนร่วมนั้นเป็นเพี ยงการจัดฉากเพื่อสร้ างความชอบธรรมให้โครงการสามารถ เดินหน้าต่อไปสู่ธงที่ตั้ งเอาไว้แล้ว คือมีโครงการโขงเลย ชี มูล เกิดขึ้นบนแผ่นดินอีสาน” นายสุวิทย์กล่าว
นาย สุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่กรมชลฯได้เดินสายจัดเวที รับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่ องในสัปดาห์นี้ แต่ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ดำเนินโครงการหลายแห่ง กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ ามโดยมีความพยายามผลักดั นโครงการให้เกิดขึ้น อย่างเร่งเร้า เช่น ในพื้นที่ลุ่มน้ำลำพะเนียงที่มี แผนจะเข้าไปขยายลำห้วยให้มี ความกว้างเพิ่ม ขึ้นอีก ด้านพื้นที่ ต.ห้วยโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เองได้มีหน่วยงานรัฐเข้ามากดดั นให้ชาวบ้านอนุเคราะห์ที่ดินเพื ่อขุดคลองผัน น้ำโดยไม่มีค่าเวนคืนใดๆทั้งสิ้ น
“ฉะนั้น เร็วๆนี้ผมและประชาชนที่อาศั ยอยู่ในพื้นที่ดำเนิ นโครงการจะยื่นหนังสื อตรวจสอบโครงการนี้ทั้งระบบเพื่ อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และนำไปสู่การแสวงหาทางเลือกให้ กับจัดการน้ำที่เหมาะสมกับในแต่ ละพื้นที่ที่มีสภาพนิเวศแตกต่ างกัน” เลขาธิการ กป.อพช.อีสาน กล่าวทิ้งท้าย
/-/-/-/--/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/ -/-/-/-/-/-/-/-/-/-/--/-/-/-/- /-/--/
สมพงศ์ อาษากิจ
ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็ นธรรม
086-2317637
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น