วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชาวบ้าน อัดกรมชลฯ อำพรางข้อมูลโครงการผันน้ำอีสาน

             วันนี้(23 พฤศจิกายน) เวลา 08.30 – 12.00 น.  ณ หอประชุมที่วาการอำเภอเมือง จังหวัดเลย  ได้มีการจัดเวทีการประชุมระดับชุมชนและประชาคม ครั้งที่  โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์(SEA) ภายใต้ โครงการบริหารจัดการน้ำโขง-เลย-ชี-มูล โดยแรงน้ำถ่วง ภาคตะวันออกเฉียง  ซึ่งกรมชลประทานได้ว่าจ้าง บริษัทปัญญาคอลซัลแตนท์ จำกัด  บริษัทครีเอทีฟเทคโนโลยี จำกัด บริษัท เอส เอ็น ที คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เซ้าอีสเอเชียเทคโนโลยี จำกัด  ให้ดำเนินการจัดเวทีเพื่อนำเสนอข้อมูลโครงการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง  ตลอดจนสาธารณชนที่มีความสนใจเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้

           บรรยากาศของการจัดเวทีในครั้งนี้ เริ่มด้วยวิทยากรผู้ชำนาญการด้านเทคนิควิศกรได้นำเสนอรูปแบบ และลักษณะของ โครงการบริหารจัดการน้ำโขง-เลย-ชี-มูล โดยแรงโน้มถ่วง  หลังจากนั้นจึงนำเสนอผลประโยชน์ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ  ตลอดจนแนวทางจัดการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น  และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเวทีได้ทำการซักถามแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น  พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อโครงการ  เพื่อนำไปประกอบเป็นข้อมูลเพื่อการพิจารณาโครงการในลำดับถัดไป

ทั้งนี้ นายทรงศักดิ์   เสาวัง  ผู้อำนวยการกลุ่มการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ กรมชลประทาน  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า
“เวทีในครั้งนี้จัดขึ้นมาเพื่อที่จะมาฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน  และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องต่อการที่จะดำเนินการโขงเลยชีมูล ว่ามีความคิดเห็นต่อโครงการอย่างไรบ้าง  ซึ่งขอเน้นย้ำว่าขั้นตอนของโครงการนั้น  อยู่ในขั้นตอนของการศึกษา  เพื่อพยายามจะหาทางเลือกที่หลากหลายของการทำโครงการ  ซึ่งถ้าหากได้ทำขึ้นมาจริงๆ โครงการก็จะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในภาคอีสานเป็นอย่างมาก”
ด้านนายกัญ   วงศ์อาจ  ตัวแทนชาวบ้านจากอำเภอเชียงคานจังหวัดเลย  ได้แสดงความคิดเห็นภายในเวทีในครั้งนี้ว่า การชี้แจงถึงรายละเอียดของโครงการยังไม่ชัดเจน พยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงผลกระทบของโครงการ
“สิ่งที่สังเกตได้ชัดในเวทีในวันนี้คือ กรมชลหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเขื่อนเชียงคานที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ  ซึ่งถ้าหากสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะดันน้ำโขงให้สูงขึ้นเพื่อผันน้ำที่ปากน้ำเลยนั้น  สิ่งที่ตามมาจะเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก  หมู่บ้านท้ายน้ำจะถูกน้ำท่วม ระบบนิเวศถูกทำลาย  แต่กลับไม่มีการชี้แจงข้อมูลในส่วนนี้ในเวที พูดแต่รายละเอียดเชิงเทคนิค และผลประโยชน์จากโครงการเพียงด้านเดียวเท่านั้น และในหลายเวทีเวลาถามถึงความชัดเจนต่อปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กรมชลก็จะบอกเพียงว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา เพื่อที่จะหาทางเลือกที่เหมาะสม อย่าเพิ่งกังวลใจ”
ในส่วนของ นายสุทธิ   แถวบุญตา  ตัวแทนชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำโขง อำเภอปากชม จังหวัดเลย  ได้กล่าวถึงการจัดเวทีประชุมระดับชุมชนและประชาคมในครั้งนี้ว่า
“น่าจะมีการเอาชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ๆ จะได้รับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงๆ มารับฟังข้อมูล และแสดงความคิดเห็น เพราะการจัดเวทีในครั้งนี้ และหลายครั้งที่ผ่านมา ก็มักจะเชิญแต่ผู้นำ  ซึ่งในความเป็นจริงผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อมก็คือชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และทำกินในบริเวณที่เป็นพื้นที่โครงการ อีกอย่างหนึ่งก็คือการชี้แจงของกรมชลนั้นจะมาพูดถึงแต่เรื่องการชดเชยความเสียหายของชาวบ้านอย่างเดียวไม่ได้  ต้องชี้ให้ชัดไปเลยถึงผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นของโครงการอย่างชัดเจนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้รับรู้”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ทางกรมชลประทานก็ได้จัดเวทีในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้น ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้แทนจากส่วนราชการ และองค์การปกครองท้องถิ่น แต่มีประชาชนในพื้นที่ดำเนินโครงการมาเข้าร่วมไม่ถึง 10 ราย เนื่องจากว่าไม่รับทราบว่าจะมีการจัดเวทีดังกล่าว
โดย ทางด้านนายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวต่อการจัดเวทีประชาคมทั้งสองครั้งของกรมชลประทาน ว่า
โครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่ผ่านๆมาของรัฐคือ เน้นชูประเด็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่โครงการจะได้รับอย่างมหาศาล โดยกลบซ่อนอำพรางชุดข้อมูลที่แท้จริงเอาไว้ เช่น เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม ผลกระทบต่อผู้คนในชุมชนท้องถิ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคม เรื่องกระบวนการมีส่วนร่วม
“สิ่ง ที่เกิดขึ้นได้ชี้ให้เห็นว่าเวทีประชาคมที่กรมชลฯกล่าวอ้างว่าเป็นการสร้าง การมีส่วนร่วมนั้นเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมให้โครงการสามารถ เดินหน้าต่อไปสู่ธงที่ตั้งเอาไว้แล้ว คือมีโครงการโขงเลย ชี มูล เกิดขึ้นบนแผ่นดินอีสาน” นายสุวิทย์กล่าว
นาย สุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่กรมชลฯได้เดินสายจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ แต่ความเคลื่อนไหวในพื้นที่ดำเนินโครงการหลายแห่ง กลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามโดยมีความพยายามผลักดันโครงการให้เกิดขึ้น อย่างเร่งเร้า เช่น ในพื้นที่ลุ่มน้ำลำพะเนียงที่มีแผนจะเข้าไปขยายลำห้วยให้มีความกว้างเพิ่ม ขึ้นอีก ด้านพื้นที่ ต.ห้วยโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เองได้มีหน่วยงานรัฐเข้ามากดดันให้ชาวบ้านอนุเคราะห์ที่ดินเพื่อขุดคลองผัน น้ำโดยไม่มีค่าเวนคืนใดๆทั้งสิ้น   
“ฉะนั้น เร็วๆนี้ผมและประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดำเนินโครงการจะยื่นหนังสือตรวจสอบโครงการนี้ทั้งระบบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และนำไปสู่การแสวงหาทางเลือกให้กับจัดการน้ำที่เหมาะสมกับในแต่ละพื้นที่ที่มีสภาพนิเวศแตกต่างกัน  เลขาธิการ กป.อพช.อีสาน กล่าวทิ้งท้าย
/-/-/-/--/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/--/-/-/-/-/-/--/   
สมพงศ์ อาษากิจ
ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
086-2317637        


           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน