คุณสุวิทย์ที่รัก โดย บรรจง นะแส
(ว่าด้วยความทรงจำและการระลึกถึง)
บรรจง นะแส
ผมเขียนถึงคุณยากจริงๆนะ
วันที่ผมกราบคุณหน้าโลงศพ.. ผมพยายามคิดว่า คุณทำไมใจเสาะจริงๆวะ แนะนึกใจในอย่างโมโหว่า "ลุกขึ้นมาสิโว้ย" สถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ คนอย่างคุณน่าจะยังอยู่ ไม่น่ารีบตาย แม้ตอนมีชีวิตกันอยู่ ผมหงุดหงิดหลายครั้งกับคุณ
เจอกันครั้งแรกที่โคราช ประมาณปี 39 ผมก็ซัดกับคุณ เพราะผมรู้สึกว่าคุณไม่เคารพพี่เปี๊ยก (บำรุง) และงานนั้นผมพบกับเพื่อนคุณหลายคน เช่น คุณชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์ เพื่อนซี้ที่คุณเรียกเขาว่า "จัดตั้งใหญ่" ตลอดเวลาที่เราพบกัน คุณชาญวิทย์บอกผมว่าผมมีอะไรหลายอย่างคล้ายคุณ ซึ่งผมเถียงทุกครั้งว่าไม่จริง เพราะผมดื่มไม่รุนแรงเท่าคุณ
ผมมีความสามารถไม่เท่าคุณ ผมไม่ใช่นักรบจากป่าเขาอันทรงเกียรติ ผมไม่ชอบทะเลาะกับพี่ๆน้องๆในวงเหล้า ผมไม่งดเหล้าเข้าพรรษาเหมือนคุณ คุณดื่มมากจนผมคิดว่าหลายๆครั้งคุณป่วยนะ ผมเองก็รู้สึกตัวว่าป่วยเหมือนคุณคือ หลงลืมง่าย ย้ำคิดย้ำทำมันเป็นอาการของคนดื่มเหล้ามากน่ะ มันคงเข้าไปทำลายสมองในส่วนของความจำของเราไปไม่มากก็น้อยนะ
ทำไมผมพูดเช่นนั้น เพราะเวลาเราดื่มด้วยกันคุณก็จะยกเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดซ้ำๆเกือบทุกครั้ง บางเรื่องถกกันตกไปแล้วตั้งแต่วงเหล้าเมื่อเดือนที่แล้ว คุณก็ยกมันขึ้นมาถกต่อ ผมละเหนื่อยใจทุกครั้งเวลาคุณยกเรื่องเก่าๆขึ้นมา เพราะหลายๆเรื่องผมประเมินไว้ไม่ค่อยผิดพลาดว่า หากยกเรื่องนั้นๆขึ้นมา ประเดี๋ยวมันจะนำไปสู่อะไร?
ไม่แก้วลอย ก็มีคนใดคนหนึ่งยืนชี้หน้าบอกเลิกคบกันไป (แล้วอีกไม่นานผมก็เห็นคนกลุ่มนั้นมานั่งด้วยกันอีก)
ความน่ารักหนึ่งของคุณ คือ มีปัญหาที่ไหนคุณจะไปที่นั่น แต่ไปแล้วจะสร้างปัญหาเพิ่มหรือช่วยแก้ปัญหาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ ตอนคุณไปประจวบฯ ช่วงพี่น้องที่นั่นปิดถนนเพชรเกษมน่าจะมีปัญหานะ แต่ตอนคุณลงไปช่วยพี่น้องประมงพื้นบ้านที่สงขลาปิดอ่าวต้านเรือปั่นไฟจับปลา กะตักฟังมาว่า ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรนะ
คุณยังแอบแวะไปเยี่ยมผมที่บ้านด้วย แต่เราไม่เจอกันและคุณก็จะบอกผมทุกครั้งเวลาที่เราดื่มด้วยกัน หากจะให้ผมนับครั้งผมคิดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งเลยนะ นี่ไงโรคดื่มจัดของพวกเราไง
ช่วงเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้าทำเนียบ ผมประทับใจคุณนะจำได้ว่า คืนนั้นเหลือคุณ ผม สำราญ และสุริยะใส คุณบอกว่าเราต้องช่วยกันลากเวทีให้ถึงสว่าง รอจนคุณอัญชลีมาอ่านข่าว เราถึงกลับไปได้ เราอาศัยกาแฟร้อน ผ้าเย็นและบุหรี่เพื่อไม่ให้หลับ เหลือเวลาอีกกว่า 2 ชั่วโมงจะถึง 6 โมงเช้า เราแบ่งกันคนละครึ่งชั่วโมงในการปราศรัย เป็นการปราศรัยที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม เพราะเป็นการปราศรัยตอนหัวรุ่ง ง่วงก็ง่วง ผมลากจนหมดเวลาน่าจะชั่วโมงกว่าๆ
ลงมาผมหงุดหงิดนิดหน่อย ผมถามคุณว่า "ไอ้ใสมันไปไหนวะ เบี้ยวกันนี่หว่า" คุณพูดน่ารักมาก คุณบอกว่า "น่า มันเป็นน้อง มันทนไม่ไหว มันหนีไปนอนแล้ว"
หลายๆคนบอกผมว่า พวกเราใช้ชีวิตอย่างประมาท ไม่ค่อยระมัดระวังในการดำเนินชีวิต นอนดึก ดื่มจัด สูบจัด ล้วนเป็นสาเหตุของการทำให้ชีวิตสั้น เราก็เคยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องนี้ คุณเคยพูดในทำนองว่า พวกที่สนใจปัญหาสุขภาพมากๆ มักเป็นพวกชนชั้นกลางที่ชีวิตอยู่ดีมีสุขแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องปากท้องหรือถูกกดขี่ข่มเหง ผมฟังแล้วคล้อยตามนะ
แต่คุณก็เป็นคนสนใจสุขภาพนะ หรือไม่ก็มีวินัยกับชีวิตที่น่ายกย่องอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทุกๆปี ช่งวเข้าพรรษาคุณงดดื่มอย่างเด็ดขาด ผมเห็นความพยายามของพวกเราหลายๆคนที่จะให้คุณแหกพรรษาให้ได้แต่ผมพบว่าไม่ สำเร็จสักครั้ง เรื่องนี้ผมชื่นชมคุณมากนะ
ยังไงๆผมก้ไม่เห็นด้วยกับการตายของคุณ การมีคุณอยู่คุณยังจะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมอีกมาก เรื่องพรรคการเมืองของประชาชน คือ ความใฝ่ฝันหนึ่งของคุณ ผมชื่นชมคนที่มีความใฝ่ฝันโดยเฉพาะการใฝ่ฝันเพื่อคนที่เสียเปรียบในสังคม และคุณเป็นคนหนึ่งที่ผมชื่นชม
ขอให้สู่สุคตินะครับ
ที่มา สุวิทย์ วัดหนู นักรบประชา เคียงข้างคนจน
คณะจัดทำหนังสืออนุสรณ์แห่งชีวิต สุวิทย์ วัดหนู
วัน ที่ 20 ธันวาคม 2495 - วันที่ 11 มีนาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น