"ลุ่มเอ๋ย ลุ่มน้ำลำภาชี ก่อนเคยมีป่าไม้ใกล้ลำธาร
คอยยึดเหนี่ยวชายฝั่งและป้องกัน ความสัมพันธ์ป่าไม้สายธารา"
นั่นคือ ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง ลุ่มน้ำลำภาชี จากอัลบั้มชุด พระภูมิพล ของ 2 ศิลปินคูหูคู่ซี้ดนตรีที่อิสระ สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ และ วัลลภ พลเสน ที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ต่างพึ่งพากันมาอย่างยาวนาน
แต่ในปัจจุบัน ธรรมชาติและป่าไม้เถูกทำลายมากขึ้น ตามความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยคิดถึงแต่ผลกำไรในรูปของตัวเงินมากกว่าสิ่งอื่นใด ไม่เห็นคุณค่าความสำคัญของธรรมชาติ ที่คนรุ่นปู่ ย่าตายาย พ่อแม่ สู้อุตส่าห์ปกป้องรักษามาอย่างยาวนาน
เมื่อธรรมชาติถูกทำลาย เกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง อากาศแปรปรวน บางช่วงขาดแคลนน้ำ บางช่วงน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างมากมาย แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่สภาพธรรมชาติยังมีความสมบูรณ์อยู่ เช่นที่ลุ่มน้ำลำภาชี จึงเกิดบทเพลงที่บอกเล่าถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ คุณค่าของแหล่งน้ำ ป่าไม้ ที่สรรพสิ่งได้พึ่งพาอาศัยกันอย่างมีความสุขมายาวนาน
*
หากคนเราได้รับข้อมูล จนเข้าใจและเห็นคุณค่า ชาวชุมชนจะร่วมใจช่วยกันรักษา ปกป้อง หวงแหน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นของตนไว้
นี่คือ บทเพลงซึ่งเป็นบันทึกแห่งสายใยความผูกพันระหว่างธรรมชาติกับสรพสิ่งมีชีวิต..เพลงลุ่มน้ำลำภาชี
เพลง ลุ่มน้ำลำภาชี
ลุ่มเอ๋ย ลุ่มน้ำลำภาชี ก่อนเคยมีป่าไม้ใกล้ลำธาร
คอยยึดเหนี่ยวชายฝั่งและป้องกัน ความสัมพันธ์ป่าไม้สายธารา
ป่าไม้ให้ความอุดม น้ำชะโลมหล่อเลี้ยงเคียงคู่มา
สรรพสัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพา สุขหรรษาครบถ้วนกระบวนความ
ทุกชีวิตขาดน้ำเป็นมิได้ แม่มนุษย์สัตว์ป่าไม้ใครก็ตาม
สร้างสำนึกกำหนดเป็นบทนำ จะไม่ทำลายป่าแหล่งตาน้ำ
ลุ่มเอย ลุ่มน้ำลำภาชี เลี้ยงชีวิ หมู่สัตว์ ไม่ขาดคำ
อันพระคุณแม่คงคาสุดจำนรร ซักล้านคำคงไม่หมดในบทเพลง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น