กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน และศิลปินหลายท่าน อาทิ ซูซู เศก ศักดิ์สิทธิ์, ประทีป ขจัดพาล, ไก่ แมลงสาบ ฯลฯ ได้ขึ้นเวที เล่นดนตรีและร้องเพลงสลับกับการปราศรัยเพื่อเป็นการผ่อนคลาย ที่ ที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เมื่อ 30 กันยายน2553 ที่ผ่านมา นี่คือ ภาพบรรยากาศที่ คุณสรัญญา อรรคราช - กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน นำมาฝากกัน
ไก่ แมลงสาบ ขึ้นเวที ร้องเพลง
ประทีป ขจัดพาล กับคุณสุทธิ อัชฌาศัย
ซูซู และเศก ศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมต่อสู้กับพี่น้องด้วยเช่นเคย
รายละเอียดเพิ่มเติม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
30 ก.ย.2553 เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกและจากทั่วประเทศ ได้เริ่มการชุมนุมแล้ว ที่บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดระยอง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อย เริ่มเดินทางมาดูแลรักษาความสงบภายในศูนย์ราชการ และคอยอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณถนนสุขุมวิท
ทั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก จ.ระยอง และกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนจากทุกภาค มาร่วมชุมนุมเพื่อคัดค้านการประกาศ 11 ประเภทโครงการรุนแรงที่อาจมีผลกดระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรงตามมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และเรียกร้องให้ทำตามข้อเสนอของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่ให้ประกาศ 18 ประเภทโครงการกิจการฯ โดยมีประชาชนจากจังหวัดต่างๆ เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบการทำเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร และเพชรบูรณ์ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเนินมะปราง จ.พิษณุโลก จำนวน 100 คนเศษ เดินทางมาโดยรถบัส และรถยนต์กระบะจำนวนหนึ่ง
ต่อมากลุ่มเครือข่ายประชาชนที่เดินทางมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และนครศรีธรรมราชกว่า 200 คนเริ่มเดินทางมาถึงบริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ผู้ที่มาร่วมชุมนุมขณะนี้รวมทั้งสิ้น 500 คน โดยกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกนำโดยนายสุทธิ อัชฌาศัย ได้จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่มไว้คอยบริการผู้ที่มาร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่ ติดตั้งเต็นท์บังแดดให้ผู้ที่มาร่วมชุมนุม บริเวณริมรั้วศูนย์ราชการเป็นแนวยาว โดยไม่มีการปิดถนนแต่อย่างใด
นาย สุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่าการชุมนุมครั้งนี้หากไม่มีคำตอบที่น่าพอใจจากรัฐบาล จะชุมนุมต่อไปรวม 3 วัน ขณะนี้ชาวบ้าน ต.บ้านแลง ต.ตะพง ต.นาตาขวัญ อ.เมืองระยองนับ 100 คน เตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม จัดทำอาหารให้ผู้ที่มาร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่
“การ ชุมนุมในวันนี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ เพื่ออนาคตชาวระยอง คัดค้านการประกาศ 11 ประเภทโครงการรุนแรง ให้รัฐบาลทบทวนและจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาลจนถึงเวลา 14.00 น. หากยังไม่มีคำตอบก็จะมีการเคลื่อนไหวไป ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง เพื่อให้สาธารณสุขจังหวัด ออกมาชี้แจงจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตา พุด จากนั้นจะเคลื่อนขบวนเข้าไปพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด”
ด้าน นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ในการชุมนุมในครั้งนี้ประชาชนสามารถดำเนินการได้ แต่ขอให้มีการชุมนุมกันอย่างสงบไม่มีการปิดถนนและสร้างความเดือนร้อน ในการสัญจรไปมาของประชาชนส่วนใหญ่ รวมทั้งอยากจะขอร้องไม่ให้มีการเคลื่อนไหวไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เนื่องจากจะทำให้การดูแลรักษาความปลอดภัยไม่สะดวก แต่หากจะไปจริงๆ ขอให้ส่งตัวแทนไปเจรจาเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยาการการชุมนุมมีการขึ้นปราศัยของแกนนำในแต่ละภูมิภาคที่ได้รับความเดือด ร้อน พร้อมทั้งมีการเล่นดนตรีและร้องเพลงของศิลปินเพื่อชีวิต เช่น เศก ศักดิ์สิทธิ์ และซูซู สลับเพื่อเป็นการผ่อนคลาย
++++++++++++++
(30 ก.ย.) เวลา 15.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพื่อสอบถาม สถิติและจำนวนของผู้ป่วย รวมทั้งอาการป่วยของประชาชน ที่ป่วยเนื่องจากผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรม หลังจากนั้น ก็ได้เดินทางกลับมาปักหลักยังศูนย์ราขการ โดยจะตั้งเวทีปราศัยและค้างคืน
นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่าวประชาชนภาคตะวันออก เผยว่า ใน คืนนี้พวกเราจะปักหลักกันอยู่ต่อ โดยในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) จะมีกลุ่มกรีนพีซ โดยนำเรือเรนโบว์มาร่วมแสดงสัญลักษณ์การการต่อต้านโรงการอุตสาหกรรมที่ส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งประมงชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบ จากโรงงานอุตสาหกรรม จะมาลอยลำที่บริเวณอ่าวระยอง
สำหรับในกรณีของนายกรัฐมนตรี ที่ในวันนี้ได้ออกมาบอกว่า พร้อมจะเจรจานั้น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี และพวกตนก็พร้อมเช่นกัน แต่ในการเจรจาในครั้งนี้จะต้องมีคนกลางร่วมด้วยเพื่อให้การเจรจา มีการนำไปสู่ในการปฎิบัติได้จริงและเกิดประโยชน์
นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ที่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยองนั้น จากการตรวจสอบของฝ่ายมั่นคง และเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พบว่า ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงในการชุมนุมครั้งนี้ เนื่องจากได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจและจุดสกัด 5 จุด หลักในรัศมี 3 กิโลเมตร เช่น สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, บริเวณหนองแฟบ, ทุ่งสะเดา, แยกอาร์อาร์ไอแอล, แยก พีเอ็มวาย นอกจากนั้น ในนิคมเหมราช, นิคมฯตะวันออกและนิคมฯเอเชีย ก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยด้วย
ส่วนกรณีทางด้านทะเลนั้น ซึ่งขณะนี้ทราบว่า จะมีกลุ่มกรีนพีซ ที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะนำเรือ “เรนโบว์” เข้ามาลอยลำในน่านน้ำจังหวัดระยองนั้น เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์นั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างไร แต่การกระทำดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและแนวทางที่วางไว้ โดยจะต้องจอดเรือลอยลำอยู่ในรัศมี 3.5 ไมล์ทะเล ที่ห่างจากฝั่ง
สำหรับ ชาวต่างประเทศ ที่มากับเรือดังกล่าว จะขึ้นฝั่งนั้น จะต้องดำเนินการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยหากไม่มีวีซ่า ก็ไม่สามารถลงมายังฝั่งได้อย่างเด็ดขาด
นายสยุมพร กล่าวต่อไปถึงกรณีการตรวจสุขภาพของประชาชนนั้น ซึ่งเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีนโยบายและจัดสรรงบประมาณจำนวน 90 ล้านบาท เพื่อมาตรวจสุขภาพ ในระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2553-2555 ซึ่งในปี 2553 นั้น ได้ดำเนินการตรวจสอบสุขภาพประชาชนไปแล้วกว่า 10,000 คน และพร้อมจะดำเนินการตรวจสอบให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ประมาณ 40,000 คน ซึ่งพร้อมจะดำเนินการให้ทั้งหมด
การตรวจสอบที่ผ่านมา สำหรับรายบุคคลนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะเผยแพร่ข้อมูลให้สาธารณชนได้ รับทราบ แต่ได้แจ้งและส่งรายละเอียดไปยังบุคคลนั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนผลการตรวจในภาพรวมโดยไม่ได้ระบุรายชื่อนั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปผล พร้อมเตรียมนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้รับทราบต่อไป โดยที่ผ่านมาผลตรวจสอบบางคนมีความผิดพลาดและไม่ถูกต้อง ก็พร้อมจะดำเนินการตรวจให้ใหม่ได้ เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจน
นายสยุมพร กล่าวถึงการตรวจสอบที่ผ่านมา 10,000 คนเศษนั้น พบมีเพียง 5% เท่านั้น ที่ป่วยหรืออาจป่วย แต่อย่างไรก็ตาม หากบางรายไม่แน่ใจหรือไม่มั่นใจในผลตรวจที่ผ่านมาก็สามารถตรวจสอบใหม่ได้ โดยเจ้าหน้าที่พร้อมจะดำเนินการให้
สำหรับกรณีที่จะมีกลุ่มเรือประมงเล็กมาร่วมชุมนุมเรียกร้อง และจะปิดน่านน้ำในจังหวัดระยองนั้น ซึ่งเรื่องนี้ทางกลุ่มประมงเรือเล็กไม่กี่ยวกับการชุมนุม 11 โครงการ ที่กลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกชุมนุมอยู่ในขณะนี้ เพียงแต่มาใช้โอกาสในครั้งนี้มาเรียกร้องถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น
เช่น 1.การถมทะเลที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ 2.มีการลักลอบปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่ทะเล ทำให้สัตว์น้ำลดน้อยลง และ 3.เรือขนถ่ายสินค้าที่มาจอดลอยลำ และทอดสมอ ทำให้ส่งผลกระทบต่อปะการังและสัตว์น้ำด้วย ดังนั้นจึงออกมาแสดงและเรียกร้องดังกล่าว เพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขต่อไป
++++++++++++
เครือข่าย ปชช.ตอ.ยุติชุมนุม - ขีดเส้นตายรัฐบาล 2 อาทิตย์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ศูนย์ข่าวศรีราชา - เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก บุก กนอ.มาบตาพุด ยื่นหนังสือผ่าน ผู้ช่วย รมต.อุตฯ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มประมงเรือเล็ก ให้เวลา 3 สัปดาห์ ก่อนปิดอ่าว
วันนี้ (1 ต.ค.) กลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นำโดย นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำเครือข่าย ได้ร่วมตัวประท้วงเป็นวันที่ 2 เพื่อเรียกร้องถึงการออกประกาศโครงการรุนแรงฯ 11 โครงการ หลังจากนั้นกลุ่มเครือข่ายฯ ได้เคลื่อนขบวนเดินทางไปยื่นหนังสือกับนายพุฒิพงษ์ บุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และตัวแทนรัฐบาลบริเวณหน้าการนิคมอุตสาหกรรม โดยก่อนจะเดินทางไปถึงการนิคมฯได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านสกัดบริเวณสี่ แยกสะเดา เพื่อไม่ให้กลุ่มเครือข่ายฯ เดินทางไปยังการนิคมฯ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีการประทะแต่อย่างไร โดยต่างได้ยื่นข้อต่อรองเรียกร้องเป็นเวลานานกว่า 20 นาที
จากนั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทนต่อกระแสเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ประท้วงไม่ไหว จึงปล่อยให้ผู้ชุมนุมผ่านเข้าไปได้ โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำหนดไว้ คือ จะต้องตรวจค้นกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนที่จะเดินทางเข้าไปยังการนิคมฯ ทุกคน ซึ่งผู้ชุมนุมก็ได้ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดจนสามารถเดินทางไปถึงบริเวณหน้า การนิคมฯ เพื่อยื่นหนังสือดังกล่าว
สำหรับ การยื่นหนังสือได้มีกลุ่มตัวแทนจากหลากหลายพื้นที่ได้ยื่นหนังสือผ่านนาย พุฒิพงษ์ เช่น กรณีปัญหาที่มาบตาพุด, ปัญหาการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม IRPC ที่อำเภอวังจันทร์, ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่จังหวัดตราด, ปัญหาโรงถลุงเหล็กที่จังหวัดจันทบุรี, ปัญหาโรงกำจัดขยะที่บ่อวิน, ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และโรงถลุงเหล็ก ที่ภาคใต้ โดยทุกๆเรื่อง ได้รับไปเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป
นายพุฒิพงษ์ กล่าวว่า การเรียกร้องในครั้งนี้ถือว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และการที่ตนเดินทางมารับเรื่องครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ตัวแทนของ รัฐบาล เพื่อนำไปประสานถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบและนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยการดำเนินการแก้ไขปัญหานั้นจะต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงจะต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข
การแก้ไขปัญหานั้น โดยจะต้องเชิญผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนไปให้ข้อมูลและรายละเอียด และจะต้องพูดคุยถึงปัญหา ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังต่างประเทศ โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 1 เดือนนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะคลี่คลายไปในแนวทางที่ดีขึ้น โดยหลังจากรับเรื่องจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกแล้ว ได้เดินทางไปรับหนังสือจากกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จังหวัดระยองอีก 1 เรื่อง
นายสุทธิ กล่าวว่า ใน วันนี้ (1 ต.ค.) ประมาณ 18.00 น.เราจะประกาศยุติการชุมนุม หลังจากที่ 2 ฝ่ายให้เวลาในการกลับไปเตรียมข้อมูล และเวลาในการที่จะกลับมานั่งโต๊ะเจรจากัน ภายใน 2 สัปดาห์ โดยใน เบื่องต้นเท่าที่ได้รับฟังจากตัวแทนรัฐบาลก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่งหาก สามารถดำเนินการได้จริง คาดว่าใน2 สัปดาห์ข้างหน้าคงจะมีเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่หากการเจรจาไม่เกิด หรือไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น ก็ถือว่า รัฐบาลหลอกลวงประชาชน และพวกเราคงจะต้องมีการดำเนินการทุกวิถีทางต่อไป ส่วนในขณะเดียวกันทางของกฎหมายเราก็จะดำเนินการควบคู่กันไปคือในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ทางกลุ่มฯจะไปยื่อฟ้องร้องต่อศาลปกครอง
ด้าน นายจัตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จังหวัดระยอง กล่าวว่า การยื่นหนังสือในครั้งนี้ 1.เพื่อ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนประเภทโครงการของอุตสาหกรรม ที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเล ต่อกลุ่มชาวประมง ที่สำคัญจะต้องมีมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน
2ให้ เรือขนส่งสินค้าจอดเรือในบริเวณจุดทิ้งสมอ ที่ 6 เมตรขึ้นไป เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำประมงพื้นบ้าน และให้ฟื้นฟู ดูแล อนุรักษ์พื้นที่ ที่ได้รับความเสียหายจากการทำนิคม
สำหรับข้อเรียกร้องนั้นทางกลุ่มเรือประมง จะให้ระยะเวลารัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเวลา 3 สัปดาห์ และหากข้อเรียกร้องไม่ดำเนินการนั้น ทางกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก พร้อมจะนำเรือทั้งหมดมาปิดน่านน้ำระยะ เพื่อไม่ให้เรือสินค้าหรือเรือใดๆ เข้าเทียบท่าได้แม้แต่ลำเดียว
ด้านนายประเมิน สุขวารี ผู้นำชุมชนปากน้ำ 1 กล่าวถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเรือประมงพื้นบ้านนั้น ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรงฟ้าถ่านหิน ซึ่งสร้างปัญหาและผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากทางโรงไฟฟ้าได้ปล่อยน้ำหล่อเย็นลงสู่ทะเลทำให้น้ำบริเวณนั้นมี กลิ่นเหม็น และมีสารเคมีไหลลงสู่ทะเล โดยจะเห็นได้จากสีของน้ำทะเลเป็นสีขาวขุ่น
นอกจากนั้น บริเวณใต้ท้องทะเล จะมีคราบของดินตะกอนมีความหนาเกือบ 1 เมตร ส่งผลกระทบต่อปะการังและสัตว์น้ำ ทำให้สัตว์น้ำบริเวณแนวชายฝั่งสูญหาย ทำให้เรือประมงต้องออกไปจับปลาห่างจากชายฝั่ง ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
++++
++++++++++++++++ความคิดเห็น+++++++++++++++++
คุณต้องพยามยามเข้าใจคำว่า ชุมชน และเขตชุมชนนะสำหรับผู้ที่ได้รับประโยชน์ จากตรงนี้
น่า เสียดาย และเสียใจมากที่ซื้อบ้านราคาหลักแสน หลักล้านอยู่ที่มาบตาพุด และไม่คิดเลยนะ ว่า โรงงาน ทั้งหลายตอนนี้ ล้อมรอบหมู่บ้านมาบตาพุดเลย ควันพุ่งสู่ท้องฟ้าทุกวันทุกคืน และ หลายโรงงานรวมกัน มันก็มีปริมาณเยอะไปด้วย ก็เข้าใจนะ บริษัทนั้น อาจตรวจวัดค่าไม่เกินกำหนด
แต่ในทางกลับกัน ค่าที่มันไม่เกิน กำหนด ไม่ได้หมายความว่า มีโรงงานเพียงโรงเดียว แต่นี่ มี เยอะมาก
เคย มีใจ สงสาร และสะกด คำว่า คน เป็นรึปล่าก็ไม่รู้
คนในหมู่บ้านมาบตาพุด
+/////
ไม่มีโรงงานไหนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชีวิตมนูษย์อย่างแท้จริง
แต่ทำให้กระทบน้อยที่สุดนั้นทำได้ แต่ไม่มีโรงงานไหนอยากทำ
ไม่มีโรงงาน มนุษย์ก็มีชีวิตอยู่ได้
สันดอน
+/////
ขอเป็นหนึ่งแรงใจ
สำหรับการรักษาสิ่งแวดล้อม
ให้กับทุกๆคน
เม็ดในดำ
+/////
การประท้วงต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ถ้าผูประท้วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นก็ต้องทำแบบอินเดียเป็นขั้นตอน และขั้นสุดท้ายไม่ฟังแล้วยังไปบุกรุกทำลายข้าวของก็ต้องยิง ที่อินเดียตายไป ๑๒ คน แล้วอย่าปล่อยให้กรีนพีชละเมิดกฏหมาย ลองทำแบบอิสราเอลที่ปิดล้อมปาเลสไตน์ก็ได้
than/tsiltorn@gmail.com
+/////
คนระยองไม่มีโรงงานที่เกิดขึ้นมา เขาก็มีชีวิตที่เป็นสุขได้
คน มาบตะพุดสมัยก่อนทำไร่มันสำปะหลัง ทำประมง ปลูกสวนผลไม้นิดหน่อย มียางพารา เห็นผู้คนก็HAPPYกันดี เห็นสมัยนีว่าพัฒนากันแล้ว ขี้ยังเหม็นอยู่หรือปล่าว
bobbyvee
+/////
ลองไปเวลาไกล้เมษาดู ร้อนมากๆๆ ครับบ
ถ้าเป็นไปได้กระจายหน่้อยก็ยังดีครับบ
Sirichut สมาชิก
+/////
ถ้าหากโครงการที่นิคมอุตสาหกรรมที่ระยองประสบความสำเร็จดีมาก ไม่มีมลพิษทางสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโรงงาน
ก็น่าจะยกเอาโรงงานสัก 2-3 โรงจากแถวๆ ระยองมาตั้งที่หลังบ้านของนายกฯ และ พวกคณะรัฐมนตรี บ้างเนอะ
เกิดเป็นคนจน ก็ต้องอดทนหน่อยนะ
+/////
เอาใจช่วยการต่อสู้ของประชาชน ขอให้ทุกท่านได้รับชัยชนะ
"บินไทย"
+/////
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอให้ประสบความสำเร็จค่ะ
สู้เพื่อสุขภาพ
+/////
อยากจะบอกว่ามลพิษเข้มข้นมาก ช่วงกลางวันไม่เท่าไหร ช่วงฝนตกเเละกลางคืนดิ เเอบปล่อยควันขาว และแก็ส กลิ่นกระจ่ายเต็ม เพื่อไม่ให้ชาวบ้านสังเกตได้ เข้าใจอยู่ควันและแก็สที่ปล่อยมามันไม่เกินมาตราฐานที่กฎหมายกำหนด แต่ที่นี้มันไม่ใช่มีแค่โรงงานเดียวมีเป็นพันโรงงาน และแต่ละโรงงานต่างก้อปล่อยควันและแก็สออกมา ลมพัดมารวมตัวกันทำให้มีความเข้มมาก น
แถวบ้าน
+/////
ต่างชาติ (โดยเฉพาะญี่ปุ่น)/ นักการเมือง เอาเปรียบชาวบ้านมาตลอด
123
+/////
เป็นการชุมนุมประท้วงที่เงียบที่สุดในรอบปีนี้มั้ง ขนาดข่าวยังหายากเลยละ นสพ ก็มีเล่นนิดๆอยู่แค่ ผู้จัดการ เท่านั้น แล้วมันจะไปไหวหรือ ปัญหาของการประท้วงคราวนี้ที่ทำท่าว่าจะเหลว เพราะ ส่วนใหญ่คนที่ไปร่วมจะเป็นคนนอกพื้นที่เกือบหมด คนในพื้นที่ไม่เอาด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าคนในพื้นที่ไม่เล่นด้วยก็คงยากที่จะทำอะไรได้เหมือนกันนะ ดูท่าคราวนี้คงเหนื่อยฟรีแล้วละ
เงียบจริงๆ
+/////
เป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้าว่างจะไปให้กำลังใจถึงที่เลยครับ
ปล.ระวังม๊อบเติมเงินของนายสุทธาด้วยนะครับได้ยินว่ามันเอาแน่
พันธมิตรบ้ารฉาง
+/////
พอกันทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายนายทุนเค้าไม่ร้องกรูก็ไม่คิดจะทำอะไรให้มันดีขึ้น คิดแต่กำไร
ฝ่ายประท้วง ถ้ากรูไม่ใช้ความรุนแรง อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะเจรจาหรือปรับปรุง
หน้าที่คนกลางคือ รัฐบาล เจรจา อย่านั่งทับปัญหา
nat
+/////
ถ้าฝ่ายประท้วงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไร รัฐจะทำไหมเพื่อประชาชน คุณเองก็คงไม่ทำอะไร เพราะคุณอาจจะไม่ใช่คนในพื้นที่ หรือถ้าใช่ก็คงเป็นคนที่ไม่เดือนร้อน หรือถ้าเดือนร้อนก็คงเพราะได้รับผลกระทบเรื่องการทำมาหากิน (แล้วสุขภาพของคนในพื้นที่ มีราคาน้อยกว่าสิ่งที่คุณบอกว่าวุ่นวายงั้นหรือ ) ถ้าบอกว่าผิดทั้งสองฝ่ายแล้วทางออกคืออะไรหรือ ที่ผ่านมาก็ทำได้แค่คุยเพื่อสร้างภาพ
"ผิดทั้งสองฝ่าย" การแก้ปัญหาของคนกลางแบบกลวงกลวง
+/////
เรียนคุณ NAT
ยังมีคน อีกกลุ่มเช่นคุณ NAT ที่นั่งเฉยๆ แต่ทำตัวเป็นเยี่ยงคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศ ไม่ได้ทำอะไร แต่ออกมาวิจารณ์ราวกับว่า ตัวเองเป็นคนที่ตระหนักถึงประโยชน์ของประเทศเป็นที่สุดแล้ว
การ ประท้วงที่มาบตาพุด คุณเอาข้อมูลอะไร ที่ไหน มาบอกว่าเป็นการกระทำที่ "รุนแรง" ละครับ คุณกรุณาอย่ามา "ตีกิน" การประท้วงที่คุณเหมาเอาไปเสียทั้งหมดว่า การประท้วงเป็นการทำความรุนแรงทั้งสิ้น
คุณต้องดูด้วยว่า หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ใครเป็นคนก่อ ผู้ประท้วงกลุ่มไหนกันแน่ที่ก่อขึ้น ไม่ใช่เหมาไปทั้งหมดเมื่อมีการประท้วง ต้องมีความรุนแรง
กรุณากลับไปนั่งที่ของท่าน แล้วพิจารณาความเห็นของคุณบ้างก็ดีนะครับว่า มันบกพร่องตรงไหน !!!
พอกัน
+/////
เห็นด้วยครับ บ้านเรายังมีพวกหนักแผ่นดินอย่างนี้อีกเยอะครับ ไม่คิดจะทำอะไรเพื่อบ้านเกิด เพื่อลูกหลาน แล้ววันหนึ่งเมื่อไม่สามารถควบคุมมลพิษได้แล้วล่ะก็ คุณจะเสียใจที่ไม่ได้คิดทำอะไร เพื่อลูกหลานเลยเสียแต่วันนี้
ปล.เป็นกำลังใจให้คุณสุทธิครับ และระวังม๊อบจัดตั้งของนายสุทธาด้วยนะครับ ได้ยินว่ามันกำลังเติมเงินม๊อบของมันอยู่
พันธมิตรบ้านฉาง
+/////
สู้ๆๆ ครับ พี่น้องทุกคน เพื่อความสุข สงบ ไร้มลพิษ เพื่ออนาคตที่ดีของลูกหลาน ชาวระยอง
ลูกระยอง
+/////
สู้!!! คำเดียวสั้นๆ
555
+/////
ด้านสุขภาพอนามัย ของชุมชนต่างได้รับมลพิษทั้งทางอากาศและทางธรณีวิทยตลอดจนผลกระทบต่อมลพิษ ทางน้ำไม่ว่าจะทางน้ำใต้ดิน น้ำทะเล วงจรชีวิตของสัตว์น้ำและวิถีชีวิตของชาวบ้าน ชาวประมง มันใช่ว่าแค่จะจำกัดวงเพียงแค่บริเวณของนิคมอุตสาหกรมเท่านั้น ทุกอย่างมั้นฟุ้งกระจายไปทั่ว แม้แต่จังหวัดใกล้เคียง แต่ข้อสำคัญคนในพื้นที่ต้องล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปวด ภูมิแพ้ ด้านสาธารณูปโภคแม้กระทั่งน้ำบ่อยังไม่สามารถที่จะใช้ได้ นี่คือการทำลายวิถีชีวิตของชุมชน และเป็นการเห็นแก่ได้อย่างน่าอดสูของผู้ดำเนินกิจการและรัฐบาลอีกทั้งหน่วย งานที่เกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น โดยไม่คิดที่จะปกป้องคุ้มครองในสุขภาพพลานามัย วิถีชีวิตของชุมชนแต่อย่างใด นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงระบบทุนสามานย์ที่ทำลายล้างระบบคุณธรรม ศีลธรรมตลอดจนระบบธรรมาภิบาล
คนันมือ
+/////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น