วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเดินทางกับไก่ แมลงสาบ จากชลบุรีถึงเมืองจันท์ กับค่ำคืนแห่งอุปสรรคและการฝ่าฟัน 13-14 ต.ค.2553

            ระหว่างการเดินทาง คนเรามักจะพบเจอเหตุการณ์ที่ทดสอบหัวใจอยู่เสมอ เช่น เหตุการณ์ระหว่างการเดินทางจากชลบุรีไปจันทบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค.ถึงช่วงสายของวันที่ 14 ต.ค.2553 ของคุณไก่ แมลงสาบ และคุณพระอาทิตย์ โดยนายบอน ร่วมเดินทางไปด้วย และนี่คือ บันทึกการเดินทางในวันนั้น


            หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า คุณพระอาทิตย์ต้องขับรถเก๋งคู่ใจเข้าไปติดต่องานที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี เรื่องการทำเพลงในงานกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39 ชลบุรีเกมส์ วันนั้นฝนตก น้ำท่วม ระหว่างขับรถมองไปที่ถนนข้างหน้า เจอน้ำท่วมถนน รถที่ขับตามมาด้านหลังก็ตามมาเรื่อยๆ คุณพระอาทิตย์ต้องขับไปเรื่อยๆ  จนถึงบริเวณน้ำท่วมถนน รถของเธอโหลดมาเตี้ย ทำให้น้ำเข้าตัวรถ  สิ่งของที่อยู่ในรถ เช่น รองเท้าลอยน้ำในรถ แล้วน้ำก็ไหลเข้าเครื่องยนต์ จนรถเก๋งคู่ใจเกิดสะดุด จนรถเสีย ต้องลากรถไปไว้ที่ อ.เกาะจันทร์ ไปจอดรอไว้เพื่อเตรียมลากรถไปที่เมืองจันทบุรี ไปให้ช่างชรินทร์ซ่อมรถให้ เพราะไว้ใจในฝีมือการซ่อมรถ


            ค่ำวันที่ 12 ต.ค.2553 หลังจากคุณไก่ แมลงสาบ ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต "รวมใจเพื่อหว่อง คาราวาน ตำนานพิณ พนมไพร " โดยร้องเพลงเดียว คือ "คำตอบในสายลม" และเดินทางกลับที่พักตอนตี 1 ครึ่ง ก่อนเข้าที่พักก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกับคุณพระอาทิตย์และนายบอน กาฬสินธุ์ ก่อนเข้าพักที่โรงแรมชาลีน่า เกือบตี 2... มาถึงวันพุธที่ 13 ต.ค.ออกเดินทางจาก กทม.ไปยังศาลากลางจังหวัดชลบุรี เพื่อติดต่อเรื่องการทำเพลงในงานชลบุรีเกมส์และนำแผ่น CD 2000 แผ่น ไปให้กับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแล้ว ก็ออกเดินทางจากชลบุรีไปยัง อ.เกาะจันทร์ เพื่อจะลากรถไปซ่อมยัง จ.จันทบุรี แต่พอไปถึง คุณไก่ ถามหากุญแจรถ คุณพระอาทิตย์หาดูแล้ว บอกว่า กุญแจอยู่ที่บ้านที่พัทยา เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องขับรถกลับไปอีก 100 กม. เพื่อไปเอากุญแจรถที่พัทยา แล้วกลับมาไขกุญแจเพื่อเอารถออกไป จึงขับรถมาเรื่อยๆ มาจนถึง บ่อวิน ประมาณ 17.00 น. ต่างคนต่างหิวข้าว เลยแวะหาอะไรทานที่ "เวียนนา สเต็ก"

trip photo

trip photo



            สั่งข้าวห่อไข่ ข้าวผัดกุ้ง ผัดขี้เมา และสเต็ก มาทานรองท้อง นายบอนก็ชมวิวบริเวณนั้น เห็นนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์นซีบอร์ดอยู่ไกลออกไป


            กินจนอิ่มและเช็คบิลแล้ว คุณไก่ ก็ขับรถเข้ามายังบางละมุง แวะจอดที่ร้านครัวแม่นิตยา อาหารป่า+ซีฟู๊ด เอากีตาร์มาส่งดีเจชัช พร้อมช่วยตั้งสายให้ด้วย

trip photo

trip photo



            เกือบ 18.30 น. ถึงได้ออกจากร้าน ขับรถผ่านกลางเมืองพัทยา เจอรถติด จนต้องเลี่ยงมาใช้อีกเส้นทาง เป็นเส้นทางเลียบทางรถไฟ อ้อมมาโผล่อีกทาง มาถึงบ้านห้วยขวางราว 1 ทุ่ม ... สถานีวิทยุชุมชนบ้านห้วยขวาง ไม่ได้ออกอากาศในช่วงนี้ เครื่องส่งเสียหาย ยังไม่ได้ซ่อม สถานีเลยดูเงียบเหงา แต่ที่บ้านศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน กลับไม่เงียบเหงา เปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า น่ารัก ดังภาพ



trip photo



            เมื่อถึงบ้าน พากันจัดการธุระต่างๆ กว่าจะออกเดินทางก็เกือบ 3 ทุ่ม พี่ต่อ เสบียง เตรียมเปิดร้านใหม่ ปรับเปลี่ยนห้องที่ใช้รับแขก ทุบฝาผนังด้านหนึ่งออก เตรียมทำเป็นร้านขายของชำ หลังพูดคุยทักทายด้วยไม่นาน แถมยังชวนไปตระเวณทางภาคเหนือในช่วง 22-26 ต.ค. 53 แต่นายบอนไปด้วยไม่ได้ (ด้วยความเสียดาย) แล้วก็ออกเดินทางเกือบ 3 ทุ่ม มาถึงเกาะจันทร์ตอน 4 ทุ่ม เข้ามาในบริเวณไปรษณีย์ท่าบุญมี ซึ่งรถเก๋งของคุณพระอาทิตย์มาจอดทิ้งไว้ที่นี่เกือบสัปดาห์แล้ว เปิดประตูรถเข้าไป กลิ่นฉุนๆของแก๊สอบอวลทั่วรถ หลังจากนั้นก็พยายามถอยรถออกมา โดยช่วยกันออกแรงดัน เพื่อจะเอารถมาต่อท้ายรถเก๋งคันสีขาว จะได้ต่อพ่วงเพื่อลากรถออกไป แต่ทว่า ล้อหลังด้านขวาไม่ขยับ เพราะเบรคล็อคล้อ กว่าจะลากออกมาได้ ต้องออกแรงกันพอสมควร


trip photo


            คุณไก่ โทรปรึกษาช่างรินทร์ ได้รับคำแนะนำว่า ให้ลองออกแรงดัน ขยับรถเผื่อเบรคล้อจะคลายตัวให้ล้อหลังหมุนได้ตามปกติ แต่ 3 คนช่วยกันออกแรงอยู่นาน ก็ไม่เกิดผล โทรไปถามอีกครั้ง ช่างบอก คงต้องถอดล้อออกแล้วเคาะเบรคที่ล็อคล้อให้คลายตัว ล้อถึงจะวิ่งได้


            คุณไก่ เปิดหาเครื่องมือ เพื่อจะถอดล้อ หยิบเครื่องมือจะมาถอดกระดุมล้อ แต่กลับไม่ใช่เครื่องมือที่เข้ากันได้พอดี เวลาผ่านไปเรื่อยๆ คุณพระอาทิตย์เลยโทรติดต่อรถที่เคยลากมาส่ง ถามราคาว่า ถ้าให้ลากรถไปเมืองจันท์ จะคิดเท่าไหร่ ทางนั้นบอกว่า 4,500 บาท คุณไก่ ได้ยินแล้ว เกิดแรงฮึด พยายามถอดล้อต่อไป พอดี นายไปรษณีย์ที่โทรไปเรียก ขับมอเตอร์ไซต์มาถึง มาช่วยถอดล้อออก ตีเบรคที่ล็อคล้อให้คลายตัวได้สำเร็จ


trip photo

trip photo

trip photo



            หลังจากใส่ล้อกลับเข้าไปที่ตัวรถ  แล้วถอยรถเก๋งคันที่เสียมาต่อหลังคันสีขาว เอาเหล็กต่อพ่วงรถมาต่อระหว่างรถ2 คัน  ตอนที่จะเอาเหล็กมาต่อพ่วงกัน เหล็กก็ต่อเข้ากับรถที่เสียไม่ได้ ต้องรื้อบังโคลนหน้าออกอีก พยายามถอดน็อตแต่ละตัวออก ใช้เวลาพอสมควร จนสำเร็จเกือบ 6 ทุ่ม  เอาบังโคลนที่ถอดออกไปไว้ที่เบาะหลัง ให้บางส่วนโผล่ออกมา เปิดหน้าต่างๆไว้ แล้วจึงต่อพ่วงรถ 2 คันได้สำเร็จ แล้วกล่าวขอบคุณ ล้างมือ ร่ำลานายไปรษณีย์แล้ว คุณไก่ ก็ขับรถลากพ่วงรถคันที่เสีย มีคุณพระอาทิตย์ถือพวงมาลัยคอยบังคับทิศทางให้รถแล่นตามคันหน้า แล่นไปไม่ได้ติดเครื่อง


            "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น สมองเมื่ออยู่กับเรา ต้องใช้มัน " คุณไก่ พูดย้ำหลายครั้ง และรู้สึกโล่งใจอย่างมาก  ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ไม่ต้องเสียเงิน 4,500 บาท

           

           มาถึงตอนนี้ น่าจะหมดอุปสรรคแล้ว น่าจะลากรถไปเรื่อยๆ ไปถึงจันทบุรีได้ก่อนเช้า แต่เมื่อขับรถออกจากเกาะจันทร์ได้ราว 10 นาที คุณพระอาทิตย์ก็โทรมาระหว่างขับรถบอกว่า ขับลากรถด้วยความเร็วเท่าที่ขับอยู่นี้ รู้สึกเวียนหัว คุณไก่จึงลดความเร็วลง เพราะห่วงรถคันที่ลากมา สักพักก็จอดรถลงไปถามไถ่คุณพระอาทิตย์ว่าไหวหรือเปล่า แล้วขับรถลากออกมา ถึงทางแยกไป อ.แกลง ขับมาเรื่อยๆ จนถึงปั้ม ปตท. ก็พารถเข้าไปจอด เพราะคุณพระอาทิตย์ทั้งง่วงและเพลีย เมื่อขับรถเข้าไปจอดที่ปั๊ม คุณไก่ ลงจากรถก็นึกขึ้นมาได้ แล้วเวลาจะถอยรถเดินทางต่อไปล่ะ เมื่อเหล็กที่พ่วงรถยังคาอยู่  รถเก๋งที่ลากมาจะต้องถอยดันรถคันเสีย เดี๋ยวเหล็กพ่วงจะหัก จึงต้องมาถอดเหล็กที่พ่วงออก แล้วช่วยกันออกแรงดันรถเสียให้ถอยห่างออกมา แล้วจึงถอยรถคันขาวออกมาใกล้ๆรถเสีย แล้วจึงเอาเหล็กพ่วงเข้ากับรถเสียอีกครั้ง ออกแรงเสียเวลาไปพักใหญ่ แก้ปัญหาได้อีกเปลาะหนึ่ง



            ตี 1 เศษๆ คุณพระอาทิตย์บอกว่าไม่ไหวแล้ว ง่วงมากๆ คุณไก่ เลยถามนายบอนว่าช่วยถือพวงมาลัยนั่งรถเสียได้ไหม  นายบอนว่าได้ แต่ให้เคลื่อนรถไปอยู่ตรงทางตรงก่อนนะ คุณพระอาทิตย์เลยขึ้นรถเสีย ถือพวงมาลัยให่คุณไก่ ลากรถออกจากปั๊ม  ออกมาจอดข้างนอกแล้ว เปลี่ยนให้นายบอนไปถือพวงมาลัยนั่งในรถเสียแทน แล้วสตาร์ทรถค่อยๆลากกันไป เล้นทางข้างหน้าเป็นถนนมืด มองไม่เห็นทาง แต่รถคันหน้าลากไปเรื่อยๆ ก็ถือพวงมาลัย มองตามท้ายรถคันหน้าไป รถก็แล่นตามคันหน้าไปเรื่อยๆ  มาได้สักพัก คล้ายกับหลับในไป  มารู้สึกตัวเมื่อดูเหมือนรถจะโยก เหมือนจะไม่แล่นตามหลังคันหน้า ยังไม่ทันได้หมุนพวงมาลัยให้แล่นไปตามทางของรถคันหน้า ก้ได้ยินเสียงรถไปชนกับอะไรสักอย่าง ล้อหน้าด้านซ้ายไปเหยียบบางสิ่ง จนรถที่ลากและรถพ่วงต้องหยุด คุณไก่ และคุณพระอาทิตย์เปิดประตูลงมาดู ถือไฟฉายมาส่องดูว่า เกิดอะไรขึ้น นายบอนก็งัวเงียลงมาดู


            ภาพที่เห็น ตัวรถด้านซ้ายชนกับแท่งปูนริมทางจนแท่งปูนล้มลงติดกับล้อหน้า ถัดไปอีกนิดเดียวเป็นขอบถนน มองลงไปเป็นคูคลองลึกลงไปจากขอบถนนราว 4-5 เมตร ถ้าไม่มีแท่งปูนกันไว้ รถคงจะกลิ้งตกคูน้ำไปแล้ว คงได้บาดเจ็บไปแล้ว แต่มีแท่งปูนและเหล็กที่พ่วงลากรถดึงไว้อยู่


            มี รปภ. หรือ ตำรวจบ้าน ขับมอเตอร์ไซต์ตามมาดู คอยช่วยเหลือ ทีแรกคุณไก่จะลากรถเสียถอยหลังออกจากจุดนั้น แต่พี่ตำรวจบ้านบอกให้รถคันหน้าหักพวงมาลัยออกแรงลากรถเสียให้ออกจากจุดนั้น เพราะอีกนิดเดียวรถจะตกน้ำแล้ว คุณไก่ ต้องมาถอดเหล็กพ่วงออก แล้วเอาสายต่อพ่วงมาผูกระหว่างรถ 2 คันแทนเหล็ก แล้วขับรถคันหน้าหักพวงมาลัย ลากรถเสียพ้นออกมาจากจุดนั้นได้

            บริเวณนั้นเป็นทางโค้ง มีรถวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว พี่ตำรวจบ้านต้องไปยืนถือไฟฉายให้สัญญาณรถที่แล่นผ่านไป  ให้มองเห็นสัญญาณไฟ ไม่งั้นจะเบรคไม่อยู่แล้ววิ่งมาชนรถที่จอดอยู่ ส่วนรถที่ลากออกมา พี่ตำรวจบ้านบอกให้รีบเข็นเข้าไปบนไหล่ทาง จะได้ปลอดภัยมากขึ้น  เห็นรถวิ่งผ่านไปมาก็เสียวเหมือนกัน หลายคันแล่นมาอย่างเร็ว จะมาหักเลี้ยวหลบช่วงใกล้จะถึงรถที่จอดอยู่ ส่วนคุณไก่ แมลงสาบก็ออกแรงถอดสายพ่วงแล้วเอาเหล็กต่อพ่วงรถ 2 คันเช่นเดิม มีช่างซ่อมรถที่พี่ตำรวจบ้านโทรตามมาช่วยดู ขับรถมาถึงพอดี ก็ได้ช่วยส่องไฟและช่วยให้สัญญาณให้รถที่แล่นมารู้ เมื่อต่อเหล็กพ่วงเสร็จ ก็ล่กรถกันต่อไป คุณพระอาทิตย์กลับไปนั่งในรถเสียเช่นเดิม แล่นมาได้สักพักก็ตี 2 แล้ว มาจอดรถตรงไฟสว่าง ตรงจุดด่านตรวจกักกันสัตว์ เขต อ.หนองใหญ่ เลยทางแยกไป อ.ปลวกแดง แต่ละคนง่วงมาก เลยจอดรถนอนหลับกันแถวนั้น ซึ่งมีรถพ่วงสิบล้อจอดพักงีบหลับเอาแรงอยู่ 3 คันอยู่แถวนั้น

            พอตี 3 หลังฝนตกปรอยๆ คุณไก่ ตื่นขึ้นมา เช็ครถ ดูหม้อน้ำ เดินไปดูคุณพระอาทิตย์ บริเวณรอบๆแม้ดูเปลี่ยว แต่ก็มีเพื่อนเป็นรถพ่วงสิบล้ออยู่ใกล้ๆ สักพักได้ยินเสียงรถพ่วงสิบล้อคันหนึ่งสตาร์ทเครื่องเพื่อออกเดินทางต่อไป คงจะนอนอิ่มแล้ว พอตี 3 คุณไก่ ก็ขับรถออกเดินทาง ลากรถพ่วงต่อไป ขับจนมาถึงปั้ม ปตท. เขต อ.วังจันทร์ ตอนตี 4 ก็ขับรถเข้าไปจอด เพราะคุณพระอาทิตย์ไม่ไหวแล้ว ง่วงมาก พอจอดรถ คุณพระอาทิตย์ก็คว้าหมอนประจำตัวเอามาหนุนนอนพิงกับประตูกระจกรถ หลับปุ๋ยไปเลย


trip photo



            คุณไก่ แมลงสาบพักอยู่ครู่หนึ่ง ก็เดินลงไปดูรถ เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า เปิด Notebook ต่อเนตเช็คเมล์ จนสว่าง 6 โมงเช้า คุณพระอาทิตย์ตื่น ออกจากรถไปล้างหน้า แปรงฟัน แล้วมาทานกาแฟ แล้วคุณพระอาทิตย์ก็เข้ามาเปิดกระเป๋าในรถสีขาว   มองดูพระที่หน้ารถ แล้วเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนหลังจากเปลี่ยนให้นายบอนไปนั่งในรถเสียแทนคุณพระอาทิตย์แล้ว คุณพระอาทิตย์รู้สึกได้ว่า พระได้มาโอบเธอ รู้สึกสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุอะไรสักอย่าง แต่พระคุ้มครอง จึงไม่เกิดเหตุร้าย รถไม่ตกถนนไม่ตกลงคูคลอง จนไม่มีใครเป็นอะไร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง



trip photo

trip photo


            เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็ออกเดินทางลากรถกันต่อ คุณไก่ โทรเช็คตลอดว่า ไหวหรือเปล่า จากปั๊ม ปตท. อีก 23 ก.ม. จะถึง อ.แกลง ขับรถลากรถมาเรื่อยๆ คุณไก่ จะมองกระจกหลังเป็นระยะๆ ดูรถที่ลากตามมา ถ้ารถแล่นอยู่ในแนวที่เห็นในกระจก แสดงว่า คุณพระอาทิตย์ยังไม่หลับใน แต่ก็มีหลายช่วงที่เธอหลับในเหมือนกัน ทำให้ต้องเอามือตบใบหน้าอยู่ตลอดเพื่อให้รู้สึกตัว


trip photo



            ในระหว่างขับรถ พอดีนึกเพลงขึ้นได้ คุณไก่ แมลงสาบเลยหยิบสมุด ขึ้นมาจดเนื้อเพลงที่นึกขึ้นมาได้ในตอนนั้นทันที
trip photo




            7.25 น. แวะเติมแก๊ส LPG ที่ หจก.ธวัชรุ่งเรือง เขตเทศบาลตำบลทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยองแล้ว ก็วิ่งลากรถมาเรื่อยๆ  โทรไปหาช่างรินทร์ ขอให้มาลากรถเข้าไปยังร้านซ่อมด้วย เพราะแต่ละคนสะบักสะบอม อ่อนเพลียมาทั้งคืนแล้ว ช่างชรินทร์เลยนัดเจอที่ปั๊ม ESSO ก่อนเข้าตัวเมือง มาจอดรอตอน 8 โมงเศษๆ ราว 9 โมงเช้า ช่างชรินทร์ก็ขับรถมาถึง มาลากรถเสีย แป๊บเดียวก็มาถึงอู่ช่างรินทร์ เกาะตะเคียน ต.เกาะขวาง อ.เมืองจันทบุรี ตอน 9.45 น.พอดี


trip photo


            10.45 น.ลูกสาวของลุงสุเวศน์ ก็ขับรถมาส่งคุณไก่ แมลงสาบ, คุณพระอาทิตย์ และนายบอน กาฬสินธุ์ ถึงบ้านลุงสุเวศน์ที่ตำบลแสลง ระหว่างนั่งมาบนรถ คุณไก่ ก็มอบ "หลวงปู่ผ่าน" ให้นายบอนไว้ติดตัว เพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย




trip photo

trip photo



            ....ผ่านมาหลายอุปสรรคในช่วงเย็นวันที่ 13 ถึงช่วงเช้าวันที่ 14 ต.ค.  แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องแก้ไขปัญหาอยู่หลายช่วง แต่คุณไก่ แมลงสาบ ไม่เคยอารมณ์เสียกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย แม้จะเป็นสิ่งที่ขัดขวาง ทำให้การเดินทางช้าลง ต้องเหน็ดเหนื่อย อ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรงลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เคยอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดเลย แต่มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน และคอยดูแลผู้ร่วมเดินทางเป็นอย่างดี  จนทำให้เหตุการณ์แต่ละช่วง ไม่เป็นเรื่องใหญ่ที่บั่นทอนความรู้สึกของแต่ละคนแม้แต่น้อย แต่อุปสรรคคือสิ่งที่จะต้องก้าวข้ามไปให้พ้น เหมือนเป็นสิ่งที่ช่วยฝึกฝนใจตน เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรมะนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน