วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการเดินทาง (9-ตอนจบ) ช่วงท้ายของการเดินทาง จากลาเพื่อเริ่มต้นใหม่

           เช้า 26 ธ.ค.2553 พี่ต่อ เสบียง ลุกขึ้นมาเปิดสถานวิทยุ ตั้งแต่ตี 4 เปิดธรรมะรับอรุณ พอเปิดเครื่องส่งวิทยุ เปิดเสียงแล้ว พี่ต่อก็ล้มตัวลงนอนต่อ 6 โมงเช้านายบอน ลุกขึ้นมาเข้าอินเทอร์เนต เริ่มอัพโหลดวิดีโอบางไฟล์ใส่เวบ พอ 8 โมงเช้า คุณไก่ แมลงสาบก็เข้ามาจัดรายการพิเศษ รำลึกครบรอบ 6 ปีสึมานิ พร้อมกับทำสปอร์ตวิทยุและเปิดเพลงจากอัลบั้ม รวมพลคนอาสา ธารรักธารน้ำใจ สู่ไทยอันดามัน ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับเหตุการณ์สึนามิ โดยเปิดตลอดทั้งวัน

          
            คุณไก่ จัดรายการวิทยุช่วงเช้า ก็เลยบันทึกวิดีโอไว้ ลงเวบทันที ราว 10โมงเช้า คุณพระอาทิตย์และคุณไก่ แมลงสาบ ก็พาไปทานข้าวเช้า ที่ร้านอาหารที่พาแขกหลายคนไปทานมื้อเที่ยงเมื่อวาน (25 ธค.2553)  แล้วคุณพระอาทิตย์ก็ถือวิทยุธานินทร์ มาเปิดฟังวิทยุ FM98.1 MHz ไปด้วย


             จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่าย 3 โมง 4 โมง ไม่เห็นคุณ Kathreeya Atthakor  และคุณ Sako  เข้ามา คาดว่า คงจะกลับ กทม.แล้ว คุณพระอาทิตย์ก็เตรียมจะขับรถออกไปส่งนายบอนกลับเข้า กทม. แต่ก่อนกลับ ทานข้าวเย็นกันก่อนดีกว่า  ช่วงที่กำลังทานข้าวเย็นนั้น คุณ Kathreeya ก็โทรเข้ามาบอกว่า พึ่งตื่น เพราะเมื่อคืนไปดูแหลม มอริสัน กลับมาถึงคอนโดที่พัก เข้านอนตอนตี 4 ... ช่วงกลางวัน ตื่นแล้ว 1 รอบ หามาม่าทานแล้วนอนพักอีกรอบ ตื่นอีกที 6 โมงเย็น เหน็ดเหนื่อยมากๆ และชวนกลับวันจันทร์ เพราะจะขอนอนพักอีก 1 คืน เมื่อวานไปตระเวณตามที่ต่างๆตลอดทั้งวัน พบปะ พูดคุย ให้สัมภาษณ์ ทางวิทยุ แล้วไปดูแหลม มอริสันจนเพลียมากๆ พอได้ยินแล้ว ก็เลยตอบโอเค กลับวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค. ก็ได้

             ในช่วงบ่ายระหว่างรอการมาของคุณ Kathreeya Atthakor  และคุณ Sako  แต่ไม่ได้เ้ข้ามาสักที คุณไก่ แมลงสาบก็เลยร้องเพลงที่แต่งใหม่ ดินคือข้า บันทึกวิดีโอไว้เลย ถ้าทั้ง 2 ท่านเข้ามาในตอนบ่าย คงได้ร้องเพลงนี้ให้ฟังสดๆ ส่วนเพลงต่อไป ก็จะแต่งให้ในเวลาที่เหมาะสม หลังทานข้าวเย็นแล้ว เมื่อไม่ต้องออกไปส่งนายบอนขึ้นรถกลับแล้ว คุณไก่ ก็เตรียมตัวไปธุระส่วนตัวในเมืองชลบุรี ส่วนคุณพระอาทิตย์ ก็เข้าไปจัดรายการวิทยุในช่วงเย็น นายบอนก็ไปบันทึกวิดีโอไว้ลงเวบทันที พอจัดรายการเสร็จ พี่เตี้ย บางระกำ็ก็จัดรายการต่อ




            แล้วคุณ  Sako ก็โทรศัพท์มาอีกครั้ง บอกว่า ตอนนั้นอยู่ที่ร้าน อบต.จ๋อม ชายหาดบ้านอำเภอ อยู่ใกล้ๆบ้านห้วยขวางนี่เอง เชิญคุณไก่ แมลงสาบออกมาทานข้าวด้วยกันหน่อย จะได้พูดคุยปรึกษาหารือกัน แต่คุณไก่ ขับรถออกไปเมืองชลแล้ว ก็เลยชวนพี่ต่อ เสบียงและน้องปลา ไปนั่งทานข้าวที่ร้าน อบต.จ๋อม




           บรรยากาศการนั่งคุยกันแบบกันเอง เรื่องที่คุยกัน มีตั้งแต่ เรื่องการทำธุรกิจ, เรื่องของดนตรีในแวดวงเพื่อชีวิต , เรื่องการเมือง-นักการเมือง, เรื่องการเดินทางของกลุ่มเสบียงไปที่ แม่ระมาด จ.ตาก ในช่วงวันเด็ก 7-8 ม.ค.2554 นี้ ทั้งไปทำงานเพื่อสังคมและไปท่องเที่ยวแบบออฟโรด กลับมาวันที่ 9 ม.ค.2554 แล้วก็แนะนำเรื่อง facebook ซึ่งนายบอนได้ส่งข้อมูลให้แล้ว บอกว่า พี่วิเชียร, พี่ปู, พี่ต่อ, น้องปลา และคุณพระอาทิตย์ ใช้ชื่อใน facebook ว่าอะไร พร้อมแนะนำให้เพิ่มเป็นเพื่อนไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้คุณ Kathreeya Atthakor  และคุณ Sako สะดวกในการเพิ่มเพื่อน เพราะที่ผ่านมามีคนขอเป็นเพื่อนทาง facebook ร่วมร้อยคน ซึ่งต้องใช้เวลากลั่นกรอง ... คุยกันจนดึก ลมหนาวพัดมา ก็แยกย้ายกลับที่พัก ซึ่งคุณ Sako บอกว่า จะแวะเข้าไปรับนายบอนที่บ้านห้วยขวาง ช่วง 10-11 โมงเช้า เพื่อกลับ กทม.ด้วยกัน

           เมื่อกลับมาถึงบ้านห้วยขวาง พี่ต่อ-เสบีียง หิวข้าว ตอนอยู่ที่หาดบ้านอำเภอก็ลืมกินข้าว มัวแต่คุยเพลิน ทั้งๆที่น้องปลา เหลือข้าวผัดไว้ลุงต่อให้ตั้งครึ่งจาน ลุงต่อเลยจัดการต้มมาม่าใส่ไข่ มานั่งทานยามดึกก่อนเข้านอน ก่อนหลับก็คุยเรื่องไปขับออฟโรด พูดถึงกลุ่มดินรักษ์ฟ้าด้วยความชื่นชมที่มีความตั้งใจทำงานเพื่อสังคมอย่างนี้ ซึ่งหาคนแบบนี้ไม่ได้ง่ายนักในปัจจุบัน พี่ต่อเปรียบเทียบให้ฟัง จากเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ต้องคิดจาก 400-500 คน ถึงจะมีคนที่คิดแบบพวกเราสัก 1-2 คน ซึ่งถือว่า หายากมากๆ


           ตี 3 พี่ต่อก็เปิดไฟ รีบปลุกนายบอน "คุณบอน ตื่นๆ" แล้วก็ยกฟูก ผ้าห่มที่ปูนอน เพราะ "ตะขาบ" เข้ามาในห้อง  พี่ต่อรีบเอาหนังสือ ช้อนตัวตะขาบแล้วปล่อยออกทางหน้าต่าง ..ตะกี้ ตะขาบเข้ามาไต่ที่แขน เลยสะดุ้งตื่น ครั้งหนึ่งเคยโดนตะขาบกัดอวัยวะสำคัญ จนบวมเป่งตั้ง 4-5 วัน เวลาจะอาบน้ำหรือเดิน ..ทรมานสุดๆ " แต่ผมไม่เคยฆ่านะ"


         แหม.. เกือบโดนตะขาบกัดอวัยวะสำคัญซะแล้ว.....


        ..เช้าวันที่ 27 ธ.ค.2553 พี่ต่อเิปิดเครื่องส่งสถานีวิทยุเกือบ 6 โมงเช้า เพราะเมื่อคืนก็บ่นว่า ชักเป็นห่วงอุปกรณ์ และคอมพิวเตอร์ ที่เปิดตั้งแ่ต่ตี 4 ปิดเครื่องตอน 4-5 ทุ่ม ในห้องไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม ก็ชักเป็นห่วงเครื่องมือและอุปกรณ์ของสถานีวิทยุจะเสียหายเหมือนกัน


           ช่วง 8 โมงเช้า คุณพระอาทิตย์เข้ามาจัดรายการวิทยุ พูดคุย 1 ชั่วโมงแล้วส่งต่อให้พี่เตี้ย บางระกำ จัดรายการในชั่วโมงถัดมา นายบอนก็นั่งอัพโหลดไฟล์ และบันทึกวิดีโอไว้ลงเวบไปเรื่อยๆ



             ราว 11 โมงเช้า คุณ Kathreeya Atthakor  และคุณ Sako ก็ขับรถเข้ามารับนายบอน คุณไก่ ยังไม่กลับเข้ามา นัดเจอกับลุงสุเวศน์  ภู่ระหงษ์ที่ชลบุรี เื่พื่อจะเข้าไปบันทึกเสียงใน กทม. เพราะคุณโอ๊ะ นวภาพ ไม่ว่างในวันที่ 29 ธ.ค. จึงต้องไปบันทึกเสียงในวันที่ 27-28 ธค และในช่วงบ่าย คุณพระอาทิตย์จะขับรถเข้า กทม.ด้วย
            พุดคุยทักทายที่หน้าบ้านศิลปะ ดนตรี อยู่ครู่หนึ่ง ก็ร่ำลากัน ขอเบอร์โทรกันไว้เรียบร้อย คุณ  Sako ก็ขับรถมุ่งหน้ามาที่ตลาดหนองมน ชลบุรี เพราะคุณ Kathreeya Atthakor จะแวะซื้อของฝากให้ทางบ้าน หลังจากชอปปิ้งเสร็จ ก็มุ่งหน้าเข้า กทม.


           ระหว่างการเดินทางก็นั่งฟังเพลงสากลเพราะๆ และพูดคุยกันไป ช่วงหนึ่งคุณ Kathreeya เล่าให้ฟังว่า ตอนเป็นเด็ก ช่วงนั้นคุณพ่อของเธอ ( อ.สุเทพ อัตถากร) เคยทำงานเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้ความรู้ข้อมูล ปลุกฝังจิตสำนึกของคนให้รักชาติ ซึ่งมีทั้งมิตรและศัตรู และในช่วงนั้นคุณพ่อของเธอตัดสินใจส่งคุณ Kathreeya ไปต่างประเทศตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ ได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายอย่าง


             เมื่อไปเรียนต่างประเทศ ถึงช่วงปิดเทอมในปีหนึ่ง คุณ Kathreeya เตรียวตัวกลับบ้านที่เมืองไทย และได้คุยกับเพื่อนที่เรียนที่เดียวกัน เพื่อนที่เป็นชาวเขมรได้ยินแล้วรู้สึกอิจฉาเธอที่มีบ้านให้กลับ แต่เขากลับบ้านของเขาที่เขมรไม่ได้  ความรู้สึกที่ได้สัมผัสในครั้งนั้น สะเทือนใจพอสมควร

              
             "ได้เห็นคนที่สิ้นชาติแล้ว หดหู่ ในเมื่อเรายังมีประเทศชาติ ยังมีเอกราช  ถ้าจะปล่อยให้เิกิดเหตุการณ์ที่จะต้องสิ้นชาติแบบนั้น คงจะยอมไม่ไ่ด้"



                ช่วงที่เป็นเด็ก คุณ Kathreeya เกิดคำถามคาใจ สงสัยมาตลอดว่า ทำไมคุณพ่อถึงส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่คุณพ่อทำ และสั่งสอนมาตลอดนั้น ทำเพื่ออะไร แต่เมื่อเติบโตขึ้น ได้พบเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เธอเข้าใจในสิ่งที่คุณพ่อทำไป จนเกิดเป็นพลังขับเคลื่อนจากข้างใน ออกมาทำโครงการในแนวทางของตัวเอง  หนึ่งในนั้น คือ โครงการของกลุ่มดินรักษ์ฟ้า ที่มุ่งให้ความรู้ ปลุกจิตสำนึกให้กลุ่มเป้าหมาย ตามแนวทางที่วางไว้

               รถแล่นเข้ามาใน กทม. มาตามทางด่วน โผล่มาแถวจตุจักร แล้วคุณ SAko ก็ขับรถมาส่งนายบอนที่หน้าหมอชิต 2 เพื่อหารถกลับกาฬสินธุ์ หลังจากสวัสดี ร่ำลากันแล้ว รถเก๋งคันนั้นก็แล่นออกไปจนลับสายตา



                 แล้วบันทึกการเดินทางครั้งนี้ ที่เริ่มต้นตั้งแต่ก้าวขึ้นบนรถหมายเลขทะเบียน ษม 9036 กทม. ซึ่งมีโลโก้ กลุ่มดินรักษ์ฟ้าติดไว้ที่กระจกด้านหลัง  ก็ต้องจบลง เมื่อก้าวลงจากรถ ซึ่งเป็นพาหนะที่ทำให้เกิดบันทึกการเดินทางครั้งนี้ .. จนกว่า ... การเดินทางครั้งต่อไปของกลุ่มดินรักษ์ฟ้า จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง.....

นายบอน
14.40 น.
27 ธ.ค.2553



           
            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุเวศน์ ภู่ระหงษ์ ศิลปินประชาชน

เรื่องที่น่าสนใจของกลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน

ความเห็นต่อ กลุ่มศิลปะ ดนตรี กวีประชาชน